นครบาลแถลงการจับกุมนักศึกษามหาวิทยาลัยดังย่านบางกะปิค้ายาบ้า พร้อมของกลาง 92,000 เม็ด สารภาพสั่งซื้อจากนักโทษในเรือนจำคลองเปรม พร้อมโชว์ผลการปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ กทม. ได้ผู้ต้องหากว่า 3 พันราย ยึดยาบ้า 1.8 แสนเม็ด ยาไอซ์เกือบ 3 กิโลกรัม
วันนี้ (30 ส.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.เอื้อพงศ์ โกมารกุล ณ นคร รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุธีร์ เนรกัณฐี ผบก.น.4 แถลงผลการป้องกันปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อลดการขยายตัวของปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด ลดผลกระทบของปัญหายาเสพติดในสังคมและชุมชน สร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน
พล.ต.ต.เอื้อพงศ์กล่าวว่า ผลการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ กทม.ในช่วงวันที่ 16-29 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้ดำเนินมาตรการเคาะประตูบ้าน เพื่อรับทราบปัญหาของยาเสพติด จำนวน 13,298 หลังคาเรือน โดยมีผู้เสพที่เข้ารับการบำบัด จำนวน 400 ราย และได้มีการระดมกำลังปิดล้อมชุมชนแหล่งที่มีการแพร่ระบาดยาเสพติด 331 แห่ง โดยสามารถจับกุมได้ทั้งสิ้น 3,228 ราย แบ่งเป็นผู้ต้องหาทั้งสิ้น 3,240 ราย คดีจำหน่ายยาเสพติด จำนวน 266 ราย คดีครอบครองเพื่อการจำหน่าย 549 ราย คดีเสพยาเสพติด จำนวน 2,413 ราย พร้อมของกลางเป็นยาบ้า 185,957 เม็ด ยาไอซ์ 2.9 กิโลกรัม และกัญชา 2.5 กิโลกรัม
นอกจากนี้ พล.ต.ต.สุธีร์ยังได้แถลงผลการปิดล้อมตรวจค้นจับกุมยาเสพติดของ ชปส.บก.น.4 ได้รายใหญ่จำนวนหนึ่ง โดยจากการปิดล้อมตรวจค้นและได้ทำการขยายผลเครือข่ายรายสำคัญ สามารถจับกุมนายอภิชาติ หรือหนู ชุ่มชื่น อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2 ซ.กรุงเทพกรีฑา 11 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ เป็นนักศึกษาปี 2 มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งย่านบางกะปิ พร้อมของกลาง ยาบ้า 92,000 เม็ด รถยนต์ 1 คัน อาวุธปืน 2 กระบอกพร้อมกระสุนปืนอีก 10 นัด ซึ่งสามารถจับกุมได้ที่ห้องพักเลขที่ 201 มินตราแมนชั่น เลขที่ 235 หมู่บ้านสัมมากร ซ.รามคำแหง 10 ถ.รามคำแหง แขวงและเขตสะพานสูง กทม.
จากการสืบสวนทราบว่า นายอภิชาติมีพฤติกรรมเป็นผู้ค้ารายใหญ่ย่านประเวศ ลาดพร้าว และหัวหมาก โดยมีทรัพย์สิน เช่น รถยนต์ และเงินจำนวนมากผิดปกติ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้วางกำลังเฝ้าดูพฤติกรรมก่อนทำการตรวจค้น โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่ามียาเสพติดอยู่ในห้องพักจริง และได้สั่งซื้อยาบ้ามาจากนายตั้ม ซึ่งปัจจุบันถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำคลองเปรม เพื่อนำมาจำหน่าย
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางดังกล่าว และแจ้งข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
วันนี้ (30 ส.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.เอื้อพงศ์ โกมารกุล ณ นคร รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุธีร์ เนรกัณฐี ผบก.น.4 แถลงผลการป้องกันปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อลดการขยายตัวของปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด ลดผลกระทบของปัญหายาเสพติดในสังคมและชุมชน สร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน
พล.ต.ต.เอื้อพงศ์กล่าวว่า ผลการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ กทม.ในช่วงวันที่ 16-29 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้ดำเนินมาตรการเคาะประตูบ้าน เพื่อรับทราบปัญหาของยาเสพติด จำนวน 13,298 หลังคาเรือน โดยมีผู้เสพที่เข้ารับการบำบัด จำนวน 400 ราย และได้มีการระดมกำลังปิดล้อมชุมชนแหล่งที่มีการแพร่ระบาดยาเสพติด 331 แห่ง โดยสามารถจับกุมได้ทั้งสิ้น 3,228 ราย แบ่งเป็นผู้ต้องหาทั้งสิ้น 3,240 ราย คดีจำหน่ายยาเสพติด จำนวน 266 ราย คดีครอบครองเพื่อการจำหน่าย 549 ราย คดีเสพยาเสพติด จำนวน 2,413 ราย พร้อมของกลางเป็นยาบ้า 185,957 เม็ด ยาไอซ์ 2.9 กิโลกรัม และกัญชา 2.5 กิโลกรัม
นอกจากนี้ พล.ต.ต.สุธีร์ยังได้แถลงผลการปิดล้อมตรวจค้นจับกุมยาเสพติดของ ชปส.บก.น.4 ได้รายใหญ่จำนวนหนึ่ง โดยจากการปิดล้อมตรวจค้นและได้ทำการขยายผลเครือข่ายรายสำคัญ สามารถจับกุมนายอภิชาติ หรือหนู ชุ่มชื่น อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2 ซ.กรุงเทพกรีฑา 11 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ เป็นนักศึกษาปี 2 มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งย่านบางกะปิ พร้อมของกลาง ยาบ้า 92,000 เม็ด รถยนต์ 1 คัน อาวุธปืน 2 กระบอกพร้อมกระสุนปืนอีก 10 นัด ซึ่งสามารถจับกุมได้ที่ห้องพักเลขที่ 201 มินตราแมนชั่น เลขที่ 235 หมู่บ้านสัมมากร ซ.รามคำแหง 10 ถ.รามคำแหง แขวงและเขตสะพานสูง กทม.
จากการสืบสวนทราบว่า นายอภิชาติมีพฤติกรรมเป็นผู้ค้ารายใหญ่ย่านประเวศ ลาดพร้าว และหัวหมาก โดยมีทรัพย์สิน เช่น รถยนต์ และเงินจำนวนมากผิดปกติ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้วางกำลังเฝ้าดูพฤติกรรมก่อนทำการตรวจค้น โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่ามียาเสพติดอยู่ในห้องพักจริง และได้สั่งซื้อยาบ้ามาจากนายตั้ม ซึ่งปัจจุบันถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำคลองเปรม เพื่อนำมาจำหน่าย
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางดังกล่าว และแจ้งข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป