แพทย์หญิงแจ้งจับเจ้าของร้านสปานวดย่านบางนา หลังลงรูปในเว็บบริการนวดกะปู๋ เผยอับอายมีคนใน รพ.มาถามหา ทำให้เสียชื่อเสียง แถมเจ้าของร้านยังไม่สำนึกผิด อ้างรู้จักตำรวจใหญ่หลายนาย เบื้องต้นได้ประสานตำรวจ ปอท.เพื่อเอาผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
วันนี้ (9 ส.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 15.45 น. พญ.คณัสนันท์ สมรรถพันธุ์ อายุ 26 ปี แพทย์ประจำแผนกอายุรกรรม โรงพยาบาลศิริราช เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.เกรียงไกร ขวัญไตรรัตน์ พนักงานสอบสวน (สบ 3) กก.1 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อเจ้าของร้าน USB Spa ย่านบางนา กทม.และเว็บไซต์ kapooclub.com หลังจากพบว่าภาพถ่ายของตนถูกนำไปโพสต์ลงในเว็บไซต์ให้บริการนวดกะปู๋ หรือการให้บริการสำเร็จความใคร่ด้วยมือและปากแก่ผู้ชาย ทำให้เกิดความเสียหายต่อวิชาชีพและเสื่อมเสียชื่อเสียง
พญ.คณัสนันท์กล่าวว่า เมื่อประมาณเดือนมีนาคมที่ผ่านมาได้ถูกคนร้ายขโมยกระเป๋าสะพาย ภายในมีโทรศัพท์มือถือซึ่งมีภาพถ่ายตนเอง ต่อมามีผู้ส่งอีเมลตามข้อมูลที่ตนเก็บไว้ในโทรศัพท์เครื่องดังกล่าว โดยข่มขู่ว่าถ้าอยากได้รูปคืนต้องจ่ายเงินให้ 2 แสนบาท แต่ตนคิดว่าไม่ได้มีรูปภาพล่อแหลมหรือเสียหายอะไรจึงปฏิเสธที่จะยอมทำตาม
พญ.คณัสนันท์กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นมีรุ่นพี่ที่เป็นสมาชิกเว็บไซต์นวดกะปู๋คนหนึ่งเข้าไปพบรูปของตน แต่ใช้ชื่อ “แพรวา ตันติศักดิ์” มีรายละเอียดถึงการให้บริการนวดที่ร้านแห่งนี้ อีกทั้งยังมีคนที่โรงพยาบาลมาถามหา ทำให้รู้สึกอับอายและสร้างความเสียหายอย่างมากเนื่องจากไม่เคยเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับงานดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ได้เข้าแจ้งความที่ สน.บางนา แต่ทางตำรวจบอกว่าเครื่องมือไม่พร้อมเลยแนะนำให้มามาแจ้งที่ บก.ป.
พญ.คณัสนันท์กล่าวอีกว่า ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 4 สิงหาคม ตนได้โทรศัพท์ไปที่ร้าน USB Spa เพื่อขอให้ลบภาพออก แต่ทางร้านก็ยังเพิกเฉยไม่ดำเนินการให้ วันถัดมาจึงพาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางนา ไปที่ร้านเพื่อขอความร่วมมือ และแม้ว่าทางร้านจะยอมลบภาพไปแล้ว แต่ก็อ้างว่ารู้จักกับตำรวจหลายนายไม่ได้เกรงกลัวว่าจะถูกดำเนินคดีแต่อย่างใด
“สาเหตุที่ดิฉันต้องมาแจ้งความเพราะทำงานอยู่ที่โรงพยาบาล การที่ถูกเอารูปไปโพสต์ในเว็บไซต์ซึ่งเป็นการโฆษณาให้บริการเช่นนี้ทำให้เสื่อมเสียต่อวิชาชีพ และชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นทางเจ้าของร้านก็ไม่เคยมาขอโทษเลยแม้แต่ครั้งเดียว” พญ.คณัสนันท์กล่าว
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้เสียหายไว้ จากนั้นจะประสานพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) รับเรื่องไปดำเนินการตามกฎหมายต่อไปเนื่องจากเป็นการกระทำที่เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ