คนร้ายบุกเดี่ยวควักปืนจ่อหัวเด็กปั๊มแก๊สขณะนั่งกินข้าวบังคับให้ส่งกระเป๋าสะพายบรรจุเงินสด 7 พันบาทให้แล้วหลบหนี ตร.ตรวจกล้องวงจรปิด พบก่อนเกิดเหตุคนร้ายยืนโทรศัพท์ และดูลาดเลา เมื่อเห็นคนบางตาก็ก่อเหตุเพียง 1 นาที แถมพบแท็กซี่ต้องสงสัยสีฟ้าป้วนเปี้ยนก่อนเกิดเหตุไม่กี่วินาที
วันนี้ (13 ก.ค.) เมื่อเวลา 04.30 น. พ.ต.ท.ทองอยู่ นาคะสนธิ์ พงส.(สบ 3) สน.แสมดำ รับแจ้งเหตุชิงทรัพย์ภายในปั๊มสยามแก๊ส เลขที่ 59/37 หมู่ 5 ถ.พระราม 2 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน รุดไปตรวจสอบพบนายทวีศักดิ์ บุญโม๊ะ อายุ 36 ปี ผู้จัดการปั๊ม ยืนรอให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่
สอบสวนนายทวีศักดิ์ให้การว่า เมื่อเวลา 04.11 น. มีพนักงานเพียง 2 คนทำงานอยู่ในปั๊ม คนหนึ่งกำลังกินข้าวอยู่ที่โต๊ะตรงช่องจ่ายแก๊ส ส่วนอีกคนกำลังจัดเรียงสินค้าในสำนักงาน เห็นคนร้ายเป็นวัยรุ่นอายุประมาณ 20-25 ปี ผิวคล้ำ ผมยาวประบ่า ใส่เสื้อคลุมสีน้ำตาล สวมกางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ เดินตรงเข้ามาหาเด็กปั๊มคนที่กินข้าว ก่อนจะชักอาวุธปืนไม่ทราบขนาดจ่อที่ศีรษะ พร้อมบังคับให้ส่งกระเป๋าเงินให้ ด้วยความตกใจกลัวเด็กปั๊มจึงหยิบกระเป๋าสะพายที่มีเงินสดอยู่จำนวน 7,000 บาทส่งให้คนร้าย จากนั้นคนร้ายได้วิ่งหนีไปทางถนนพระราม 2 ขาออก มุ่งหน้าถนนบางกระดี่ จากนั้นเด็กปั๊มได้โทร.มาแจ้งให้ตนทราบ และแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ
จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดจำนวน 15 ตัวบริเวณดังกล่าว พบว่า คนร้ายได้มายืนโทรศัพท์และดูลาดเลาบริเวณห้องน้ำของปั๊ม ซึ่งเมื่อเห็นว่าในปั๊มมีคนน้อยจึงเดินเข้าไปชักปืนจ่อที่ศีรษะเด็กปั๊มเพื่อข่มขู่ให้เอากระเป๋าส่งเงินให้ก่อนที่จะวิ่งหนีออกไป โดยใช้เวลาก่อเหตุทั้งสิ้นเพียง 1 นาที ทั้งนี้ยังพบแท็กซี่ต้องสงสัยสีฟ้า ไม่ทราบยี่ห้อและทะเบียน เข้ามาจอดภายในปั๊ม ก่อนคนร้ายจะลงมือเพียงไม่กี่วินาทีก่อนเกิดเหตุ โดยหลังจากที่คนร้ายได้กระเป๋าเงินแท็กซี่คันดังกล่าวก็สตาร์ทรถและขับออกไปจากปั๊มทันที แล้วชะลอรถหยุดตรงหน้าปั๊มเหมือนรอคนร้าย ซึ่งเป็นจังหวะพอดีกับที่คนร้ายวิ่งออกไปจากปั๊มตรงไปยังจุดที่แท็กซี่จอด
ด้าน พ.ต.ท.ทองอยู่ กล่าวว่า เบื้องต้นได้วิทยุสั่งให้สกัดจับคนร้าย แต่ยังไม่พบร่องรอย คาดว่าคนร้ายน่าจะมาสังเกตการณ์หลายครั้งจนรู้ทางหนีได้ดี ซึ่งต้องรอผลการสอบสวนและตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่แน่ชัดก่อนว่าคนร้ายก่อเหตุเพียงผู้เดียว หรือมีผู้สมรู้ร่วมคิด โดยจะตรวจสอบทะเบียนรถแท็กซี่ต้องสงสัย เพื่อเรียกตัวโชเฟอร์มาสอบปากคำว่ามีส่วนรู้เห็นหรือไม่ต่อไป



วันนี้ (13 ก.ค.) เมื่อเวลา 04.30 น. พ.ต.ท.ทองอยู่ นาคะสนธิ์ พงส.(สบ 3) สน.แสมดำ รับแจ้งเหตุชิงทรัพย์ภายในปั๊มสยามแก๊ส เลขที่ 59/37 หมู่ 5 ถ.พระราม 2 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน รุดไปตรวจสอบพบนายทวีศักดิ์ บุญโม๊ะ อายุ 36 ปี ผู้จัดการปั๊ม ยืนรอให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่
สอบสวนนายทวีศักดิ์ให้การว่า เมื่อเวลา 04.11 น. มีพนักงานเพียง 2 คนทำงานอยู่ในปั๊ม คนหนึ่งกำลังกินข้าวอยู่ที่โต๊ะตรงช่องจ่ายแก๊ส ส่วนอีกคนกำลังจัดเรียงสินค้าในสำนักงาน เห็นคนร้ายเป็นวัยรุ่นอายุประมาณ 20-25 ปี ผิวคล้ำ ผมยาวประบ่า ใส่เสื้อคลุมสีน้ำตาล สวมกางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ เดินตรงเข้ามาหาเด็กปั๊มคนที่กินข้าว ก่อนจะชักอาวุธปืนไม่ทราบขนาดจ่อที่ศีรษะ พร้อมบังคับให้ส่งกระเป๋าเงินให้ ด้วยความตกใจกลัวเด็กปั๊มจึงหยิบกระเป๋าสะพายที่มีเงินสดอยู่จำนวน 7,000 บาทส่งให้คนร้าย จากนั้นคนร้ายได้วิ่งหนีไปทางถนนพระราม 2 ขาออก มุ่งหน้าถนนบางกระดี่ จากนั้นเด็กปั๊มได้โทร.มาแจ้งให้ตนทราบ และแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ
จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดจำนวน 15 ตัวบริเวณดังกล่าว พบว่า คนร้ายได้มายืนโทรศัพท์และดูลาดเลาบริเวณห้องน้ำของปั๊ม ซึ่งเมื่อเห็นว่าในปั๊มมีคนน้อยจึงเดินเข้าไปชักปืนจ่อที่ศีรษะเด็กปั๊มเพื่อข่มขู่ให้เอากระเป๋าส่งเงินให้ก่อนที่จะวิ่งหนีออกไป โดยใช้เวลาก่อเหตุทั้งสิ้นเพียง 1 นาที ทั้งนี้ยังพบแท็กซี่ต้องสงสัยสีฟ้า ไม่ทราบยี่ห้อและทะเบียน เข้ามาจอดภายในปั๊ม ก่อนคนร้ายจะลงมือเพียงไม่กี่วินาทีก่อนเกิดเหตุ โดยหลังจากที่คนร้ายได้กระเป๋าเงินแท็กซี่คันดังกล่าวก็สตาร์ทรถและขับออกไปจากปั๊มทันที แล้วชะลอรถหยุดตรงหน้าปั๊มเหมือนรอคนร้าย ซึ่งเป็นจังหวะพอดีกับที่คนร้ายวิ่งออกไปจากปั๊มตรงไปยังจุดที่แท็กซี่จอด
ด้าน พ.ต.ท.ทองอยู่ กล่าวว่า เบื้องต้นได้วิทยุสั่งให้สกัดจับคนร้าย แต่ยังไม่พบร่องรอย คาดว่าคนร้ายน่าจะมาสังเกตการณ์หลายครั้งจนรู้ทางหนีได้ดี ซึ่งต้องรอผลการสอบสวนและตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่แน่ชัดก่อนว่าคนร้ายก่อเหตุเพียงผู้เดียว หรือมีผู้สมรู้ร่วมคิด โดยจะตรวจสอบทะเบียนรถแท็กซี่ต้องสงสัย เพื่อเรียกตัวโชเฟอร์มาสอบปากคำว่ามีส่วนรู้เห็นหรือไม่ต่อไป