“โอ๊ต ภัทรวิมล” 1 ในผู้ต้องหาทีมลอบยิง “ประชา ประสพดี” เข้ามอบตัวกับภาค 1 ตำรวจเตรียคุมตัวทำแผนพรุ่งนี้้ (2 ก.ค.) เก้าโมง อ้างไม่รู้มาก่อนงานที่ให้มาดูรถ “ประชา” ออกจากวัด โดยได้ค่าจ้างเพียง 5 พันจะเป็นการก่อเหตุลอบยิง ให้เหตุผลเลือกมอบตัวกับภาค 1 เพราะรู้ว่า “อัศวิน” เป็นคนยุติธรรม
วันนี้ (1 ก.ค.) เมื่อเวลา 14.30 น.ที่ห้องประชุมเอราวัณ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รองผบช.ภ.1 พร้อมด้วย พล.ต.ต.จิติ รอดบางยาง ผบก.จว.สมุทรปราการ แถลงการมอบตัวของ นายมนตรี หรือ โอ๊ต ภัทรวิมล อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 185 ซอยวัดใหม่พิเรนทร์ แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กทม.ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 423/2554 ลงวันที่ 28 มิ.ย.54 ในข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยผู้ต้องหาได้เข้ามอบตัวกับ บช.ภ.1 เมื่อวาน (30 มิ.ย.) ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.คำรณวิทย์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 พ.ค.54 ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุคนร้ายลอบสังหารนายประชา ประสพดี ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้รับบาดเจ็บ หลังกลับจากงานศพที่วัดคันลัด ถนนสุขสวัสดิ์ ต.บางพึ่ง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ก่อนหลบหนีไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่าทีมสังหารนายประชามีทั้งสิ้น 5 คน ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้มีการจับกุมตัวไปแล้ว 2 ราย คือ นายเอกชัย หรือ อั้ม ป้อมเผด็จ และ นายเอกชัย หรือ เอก บุญบำเพ็ญ และยังเหลือผู้ต้องหาที่หลบหนีอีก 3 ราย กระทั่งนายมนตรี ได้เดินทางเข้ามอบตัวเมื่อวาน (30 มิ.ย.) ที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากนี้ จะทำการสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในวันพรุ่งนี้เวลา 09.00 น.
จากการสอบสวน นายมนตรี ให้การรับสารภาพว่า ตนได้รับการชักชวนจากนายอั้มให้มาทำหน้าที่ดูรถยนต์ของนายประชาในวัดว่าออกจากงานศพเมื่อใด ตนไม่รู้ว่างานที่นายอั้มชักชวนให้มาทำคืออะไร แค่คิดว่ามารับจ้างทวงหนี้เหมือนที่เคยทำ กระทั่งหลังก่อเหตุตนได้ดูข่าวก็รู้สึกตกใจมาก และบอกกับนายอั้ม ว่า วันหลังอย่ามาชวนไปอีก นายอั้มก็ต่อว่าตน โดยการทำงานในครั้งนี้ตนได้ค่าจ้าง 5,000 บาท โดย นายอั้ม ได้ให้เงินตนในโรงแรมแห่งหนึ่งย่านบางนา ก่อนลงมือก่อเหตุ 3 วัน อย่างไรก็ตาม ก่อนลงมือก่อเหตุไม่ได้มีการวางแผนอะไรกัน เพียงแค่ใช้โทรศัพท์ติดต่อกันในการทำงาน โดยตนถูกสั่งมาว่าให้คอยวนเวียนดูนายประชา ซึ่งตนก็ขับรถมาวนดูอยู่ 3 วัน กระทั่งถึงวันเกิดเหตุ โดยเมื่อนายประชาขับรถออกจากวัดก็โทรศัพท์ไปบอกนายอัครวัฒน์ หรือ มีน เพชรจันทา
นายมนตรี กล่าวอีกว่า จากนั้นตนก็หลบหนีไปทันทีโดยไปรอให้นายเอกมารับที่แยกบางนา ก่อนจะมุ่งหน้าไปทางสุขุมวิท แล้วแยกย้ายกันหลบหนี ซึ่งหลังจากเกิดเหตุตนก็ขับรถวนเวียนอยู่ในกรุงเทพฯไม่ได้ไปไหนไกล และไม่ได้ติดต่อกับใครอีก โดยสาเหตุที่เข้ามอบตัวช้า เพราะเพิ่งรู้ว่าถูกออกหมายจับ และที่เข้ามอบตัวกับภูธรภาค 1 ก็เพราะรู้มาว่า พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ที่ปรึกษา(สบ10) รรท.ผบช.ภ.1 เป็นคนยุติธรรม น่าจะให้ความเป็นธรรมกับตนได้ สำหรับนายสิระพงษ์ อาจเดช หรือต๋อง วังน้ำเขียว ตนรู้จักแต่ไม่สนิมสนม เพราะเคยดูเรื่องตู้ม้าย่านสำโรงด้วยกัน
วันนี้ (1 ก.ค.) เมื่อเวลา 14.30 น.ที่ห้องประชุมเอราวัณ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รองผบช.ภ.1 พร้อมด้วย พล.ต.ต.จิติ รอดบางยาง ผบก.จว.สมุทรปราการ แถลงการมอบตัวของ นายมนตรี หรือ โอ๊ต ภัทรวิมล อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 185 ซอยวัดใหม่พิเรนทร์ แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กทม.ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 423/2554 ลงวันที่ 28 มิ.ย.54 ในข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยผู้ต้องหาได้เข้ามอบตัวกับ บช.ภ.1 เมื่อวาน (30 มิ.ย.) ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.คำรณวิทย์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 พ.ค.54 ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุคนร้ายลอบสังหารนายประชา ประสพดี ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้รับบาดเจ็บ หลังกลับจากงานศพที่วัดคันลัด ถนนสุขสวัสดิ์ ต.บางพึ่ง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ก่อนหลบหนีไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่าทีมสังหารนายประชามีทั้งสิ้น 5 คน ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้มีการจับกุมตัวไปแล้ว 2 ราย คือ นายเอกชัย หรือ อั้ม ป้อมเผด็จ และ นายเอกชัย หรือ เอก บุญบำเพ็ญ และยังเหลือผู้ต้องหาที่หลบหนีอีก 3 ราย กระทั่งนายมนตรี ได้เดินทางเข้ามอบตัวเมื่อวาน (30 มิ.ย.) ที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากนี้ จะทำการสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในวันพรุ่งนี้เวลา 09.00 น.
จากการสอบสวน นายมนตรี ให้การรับสารภาพว่า ตนได้รับการชักชวนจากนายอั้มให้มาทำหน้าที่ดูรถยนต์ของนายประชาในวัดว่าออกจากงานศพเมื่อใด ตนไม่รู้ว่างานที่นายอั้มชักชวนให้มาทำคืออะไร แค่คิดว่ามารับจ้างทวงหนี้เหมือนที่เคยทำ กระทั่งหลังก่อเหตุตนได้ดูข่าวก็รู้สึกตกใจมาก และบอกกับนายอั้ม ว่า วันหลังอย่ามาชวนไปอีก นายอั้มก็ต่อว่าตน โดยการทำงานในครั้งนี้ตนได้ค่าจ้าง 5,000 บาท โดย นายอั้ม ได้ให้เงินตนในโรงแรมแห่งหนึ่งย่านบางนา ก่อนลงมือก่อเหตุ 3 วัน อย่างไรก็ตาม ก่อนลงมือก่อเหตุไม่ได้มีการวางแผนอะไรกัน เพียงแค่ใช้โทรศัพท์ติดต่อกันในการทำงาน โดยตนถูกสั่งมาว่าให้คอยวนเวียนดูนายประชา ซึ่งตนก็ขับรถมาวนดูอยู่ 3 วัน กระทั่งถึงวันเกิดเหตุ โดยเมื่อนายประชาขับรถออกจากวัดก็โทรศัพท์ไปบอกนายอัครวัฒน์ หรือ มีน เพชรจันทา
นายมนตรี กล่าวอีกว่า จากนั้นตนก็หลบหนีไปทันทีโดยไปรอให้นายเอกมารับที่แยกบางนา ก่อนจะมุ่งหน้าไปทางสุขุมวิท แล้วแยกย้ายกันหลบหนี ซึ่งหลังจากเกิดเหตุตนก็ขับรถวนเวียนอยู่ในกรุงเทพฯไม่ได้ไปไหนไกล และไม่ได้ติดต่อกับใครอีก โดยสาเหตุที่เข้ามอบตัวช้า เพราะเพิ่งรู้ว่าถูกออกหมายจับ และที่เข้ามอบตัวกับภูธรภาค 1 ก็เพราะรู้มาว่า พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ที่ปรึกษา(สบ10) รรท.ผบช.ภ.1 เป็นคนยุติธรรม น่าจะให้ความเป็นธรรมกับตนได้ สำหรับนายสิระพงษ์ อาจเดช หรือต๋อง วังน้ำเขียว ตนรู้จักแต่ไม่สนิมสนม เพราะเคยดูเรื่องตู้ม้าย่านสำโรงด้วยกัน