ตำรวจปราบปรามการค้ามนุษย์จับ 2 ผัวเมียเขมร คุมเด็กตาบอดชาติเดียวกัน ให้นั่งขอทาน โดยให้ทำงานตั้งแต่เช้ายันดึก รับสารภาพ แค่คอยคุมเด็กได้เงินเดือน 6 พันบาทเท่านั้น ส่วนรายได้ทั้งหมดจะมีหัวหน้าแก๊งมาเก็บไป
วันนี้ (23 มิ.ย.) ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) เมื่อเวลา 14.30 น. พ.ต.อ.วรพงษ์ ทองไพบูลย์ ผกก.2 บก.ปคม. พ.ต.ท.ชูศักดิ์ เคทอง รอง ผกก.2 บก.ปคม.แถลงการจับกุม นายลำยอร์จ อายุ 32 ปี และ น.ส.ลินดา อายุ 22 ปี สองสามีภรรยาชาวกัมพูชา พร้อมของกลางเงินสด 1,545 บาท สมุดจดยอดเงินที่ได้จากการขอทานแต่ละวัน กระเป๋าสะพายสีดำ กระเป๋าคาดเอว ขันพลาสติก แก้วพลาสติก โทรศัพท์มือถือ และรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง โดยจับกุมได้ที่บริเวณตลาดนครทองพลาซ่า อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา
พ.ต.ท.ชูศักดิ์ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากตำรวจได้รับการร้องเรียน ว่า มีชาวกัมพูชาลักลอบพาเด็กตาบอดมานั่งขอทานในพื้นที่ จ.ปทุมธานี และจังหวัดใกล้เคียง จึงวางแผนสืบสวนติดตาม กระทั่งช่วงเย็นวันที่ 22 มิถุนายน ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่พบ นายลำยอร์จ และ น.ส.ลินดา พาชาวกัมพูชา คือ นางน้อย อายุ 59 ปี และ ด.ช.โอ (นามสมมติ) อายุ 12 ปี ซึ่งพิการทางสายตา นั่งรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง พามานั่งขอทานที่บริเวณตลาดนครทองพลาซ่า โดยมี น.ส.ลินดา ยืนขายลูกโป่งอยู่ข้างๆ คอยคุมทั้งสองเอาไว้ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวจับกุมทั้งหมดไว้ได้พร้อมของกลาง
สอบสวน นายลำยอร์จ ให้การว่า เด็กผู้เสียหาย มี นายที ไม่ทราบชื่อสกุล หัวหน้าแก๊งเป็นผู้นำมาส่งเพื่อให้พาไปขอทาน โดยแต่ละวันจะได้เงินประมาณ 400-1,000 บาท ทำมาแล้วประมาณ 4-5 เดือน สำหรับเด็กที่อยู่ในความดูแลรายนี้ จะพาไปขอทานวันละ 2 รอบ ช่วงเช้าตั้งแต่เวลา 05.00 น.ถึงเวลา 14.00 น.ที่บริเวณถนนเลียบทางรถไฟรังสิต หลังจากนั้น ก็จะพาไปขอทานอีกรอบที่ตลาดนครทองพลาซ่า ในเวลา 16.00 น.จนถึงช่วงค่ำ หรือจนตลาดเลิก
นายลำยอร์จ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่เด็กตาบอดนั้น เท่าที่ทราบ คือ เด็กเคยเป็นโรคต้อมานานแล้ว หลังจากรับตัวมาขอทานก็ตาบอดแล้ว ที่ผ่านมา เคยทำโทษเด็กด้วยการตี แต่เบาๆ เป็นบางครั้งเวลาที่เด็กดื้อไม่ยอมทำงาน สำหรับอุปกรณ์ที่นำมาให้เด็กขอทาน รวมทั้งรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง และบ้านพัก ซึ่งเป็นห้องเช่าไม่มีเลขที่ ในย่านคลองหนึ่ง จ.ปทุมธานี นั้น นายที เป็นผู้จัดหามาให้ทั้งหมด ส่วนรายได้ในแต่ละวันนายที ก็จะเก็บไปทั้งหมด โดยตนมีหน้าที่เพียงพาเด็กมาขอทาน และได้รับค่าตอบแทนเพียงเดือนละ 6,000 บาทเท่านั้น
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีกับ นายลำยอร์จ และ น.ส.ลินดา ในข้อหาร่วมกันค้ามนุษย์ และความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง นำส่งพนักงานสอบสวน บก.ปคม.ดำเนินคดี ส่วนผู้เสียหายได้นำตัวส่งไปฟื้นฟูสภาพจิตใจที่บ้านเกร็ดตระการ จ.นนทบุรี ก่อนผลักดันกลับประเทศต่อไป
วันนี้ (23 มิ.ย.) ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) เมื่อเวลา 14.30 น. พ.ต.อ.วรพงษ์ ทองไพบูลย์ ผกก.2 บก.ปคม. พ.ต.ท.ชูศักดิ์ เคทอง รอง ผกก.2 บก.ปคม.แถลงการจับกุม นายลำยอร์จ อายุ 32 ปี และ น.ส.ลินดา อายุ 22 ปี สองสามีภรรยาชาวกัมพูชา พร้อมของกลางเงินสด 1,545 บาท สมุดจดยอดเงินที่ได้จากการขอทานแต่ละวัน กระเป๋าสะพายสีดำ กระเป๋าคาดเอว ขันพลาสติก แก้วพลาสติก โทรศัพท์มือถือ และรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง โดยจับกุมได้ที่บริเวณตลาดนครทองพลาซ่า อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา
พ.ต.ท.ชูศักดิ์ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากตำรวจได้รับการร้องเรียน ว่า มีชาวกัมพูชาลักลอบพาเด็กตาบอดมานั่งขอทานในพื้นที่ จ.ปทุมธานี และจังหวัดใกล้เคียง จึงวางแผนสืบสวนติดตาม กระทั่งช่วงเย็นวันที่ 22 มิถุนายน ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่พบ นายลำยอร์จ และ น.ส.ลินดา พาชาวกัมพูชา คือ นางน้อย อายุ 59 ปี และ ด.ช.โอ (นามสมมติ) อายุ 12 ปี ซึ่งพิการทางสายตา นั่งรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง พามานั่งขอทานที่บริเวณตลาดนครทองพลาซ่า โดยมี น.ส.ลินดา ยืนขายลูกโป่งอยู่ข้างๆ คอยคุมทั้งสองเอาไว้ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวจับกุมทั้งหมดไว้ได้พร้อมของกลาง
สอบสวน นายลำยอร์จ ให้การว่า เด็กผู้เสียหาย มี นายที ไม่ทราบชื่อสกุล หัวหน้าแก๊งเป็นผู้นำมาส่งเพื่อให้พาไปขอทาน โดยแต่ละวันจะได้เงินประมาณ 400-1,000 บาท ทำมาแล้วประมาณ 4-5 เดือน สำหรับเด็กที่อยู่ในความดูแลรายนี้ จะพาไปขอทานวันละ 2 รอบ ช่วงเช้าตั้งแต่เวลา 05.00 น.ถึงเวลา 14.00 น.ที่บริเวณถนนเลียบทางรถไฟรังสิต หลังจากนั้น ก็จะพาไปขอทานอีกรอบที่ตลาดนครทองพลาซ่า ในเวลา 16.00 น.จนถึงช่วงค่ำ หรือจนตลาดเลิก
นายลำยอร์จ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่เด็กตาบอดนั้น เท่าที่ทราบ คือ เด็กเคยเป็นโรคต้อมานานแล้ว หลังจากรับตัวมาขอทานก็ตาบอดแล้ว ที่ผ่านมา เคยทำโทษเด็กด้วยการตี แต่เบาๆ เป็นบางครั้งเวลาที่เด็กดื้อไม่ยอมทำงาน สำหรับอุปกรณ์ที่นำมาให้เด็กขอทาน รวมทั้งรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง และบ้านพัก ซึ่งเป็นห้องเช่าไม่มีเลขที่ ในย่านคลองหนึ่ง จ.ปทุมธานี นั้น นายที เป็นผู้จัดหามาให้ทั้งหมด ส่วนรายได้ในแต่ละวันนายที ก็จะเก็บไปทั้งหมด โดยตนมีหน้าที่เพียงพาเด็กมาขอทาน และได้รับค่าตอบแทนเพียงเดือนละ 6,000 บาทเท่านั้น
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีกับ นายลำยอร์จ และ น.ส.ลินดา ในข้อหาร่วมกันค้ามนุษย์ และความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง นำส่งพนักงานสอบสวน บก.ปคม.ดำเนินคดี ส่วนผู้เสียหายได้นำตัวส่งไปฟื้นฟูสภาพจิตใจที่บ้านเกร็ดตระการ จ.นนทบุรี ก่อนผลักดันกลับประเทศต่อไป