แม้การเลือกตั้งจะยังไม่เกิดขึ้น แต่จากผลการสำรวจของสำนักโพลต่างๆ ออกมาตรงกันว่า พรรคเพื่อไทย ที่มี "เจ๊ปู" ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ที่นั่งส.ส.นำห่างคู่แข่งอย่าง พรรคประชาธิปัตย์ แทบจะไม่เห็นฝุ่น
หลายฝ่ายจึงมองข้ามช็อตกันไปแล้วว่าหากผลการเลือกตั้งออกมาตามที่โพลระบุ นอกจากการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองแล้ว บางคนคิดเลยเถิดไปถึงการนิรโทษกรรม ให้กับ”นายใหญ่”อย่าง “บิ๊กแม้ว” พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ทุกวันนี้ยังคงหนีคดีหัวซุกหัวซุนอยู่ต่างประเทศ รวมทั้งบรรดาแก๊งแดงเผาเมือง ทั้งสามเกลอ หัวขวด และบรรดาลูกสมุน นอกจากนี้ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจะก่อให้เกิดแรงกะเพื่อมไปยังภาคส่วนต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่ในวงการสีกากี
ว่ากันว่า ณ ชั่วโมงนี้ ในแวดวงตำรวจไม่มีใครเนื้อหอมเท่า "บิ๊กอ๊อฟ" พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ เรียกว่าสำนักงานรองผบ.ตร.(กศ) ของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ซึ่งตั้งอยู่ชั้น 1 อาคาร 1 ที่เคยเงียบเหงาเมื่อปีกลายหลังเจ้าตัวชวดตำแหน่ง ผบ.ตร. มาวันนี้กลับมาคึกคักอีกครั้ง เรียกว่าแต่ละวันแทบจะต้องกดบัตรคิวกันเลยทีเดียว นั่นเพราะธรรมชาติประการหนึ่งของตำรวจ คือ การไหลไปตามผู้มีอำนาจ และเปลี่ยนสีตามขั้วการเมือง จึงไม่แปลกที่ช่วงนี้จะเห็นบรรดาตำรวจนักวิ่งต่างวิ่งเข้าหา พล.ต.อ.เพรียวพันธ์
อย่างที่ทราบกันดีว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ นั้น เป็นพี่ชายร่วมสายโลหิตของ คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพ็ชร อดีตภรรยาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ฉะนั้นเมื่อพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง มีหรือที่ “คนใน” อย่าง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ จะไม่ได้รับอานิสงส์ ไปด้วย
หากยังพอจำกันได้เมื่อหลายปีก่อน พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ผู้นี้เคยถูกวางตัวจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ให้มาคุมบังเหียนองค์กรสีกากี แต่ทว่่าแผนการกลับต้องล้มพับไป พร้อมกับการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549 และเป็นเหตุให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ต้องถูกโยกขาดไปนั่งตบยุงที่ทำเนียบ ในตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ ด้านความมั่นคง (นักบริหาร 10) ก่อนที่จะได้หวนกลับคืนรังเก่า พร้อมได้โบนัสจากศาลปกครองให้คืนอาวุโส ทำให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ มีโอกาสลุ้นเก้าอี้ผบ.ตร.ในฐานะรองผบ.ตร.ที่มีอาวุโสอันดับต้นๆ แต่สุดท้ายกลับต้องพ่ายแพ้เสียตำแหน่งให้กับ”บิ๊กน้อย” พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี
แม้ตลอดระยะครึ่งค่อนปีที่ผ่านมา พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ จะเก็บตัวเงียบหลบเลียแผลใจ และ ก้มหน้าก้มตาทำงาน แต่ก็ทราบกันดีว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ มีเลือดนักสู้ อยู่ในตัวพอสมควร เห็นได้จากการเปิดหน้าชกกับ “บิ๊กมาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ- “เทพ เทือก” สุเทพ เทือกสุบรรณ กรณีตั้ง พล.ต.อ.วิเชียร เป็นผบ.ตร.โดยเสนอเพียงรายชื่อเดียว ไม่เสนอชื่อพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ให้ก.ต.ช.พิจารณาด้วย ไม่นับรวมกรณีก่อนหน้านี้ที่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ยื่นฟ้องนายกฯอภิสิทธิ์ ต่อศาลปกครองกรณีตั้ง พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ เป็นรรทผบ.ตร.ซึ่งมองว่าเป็นการแต่งตั้งข้ามหัวตนเอง
เห็นได้ชัดว่าหากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับตำแหน่งผบ.ตร. พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ พร้อมชนกับทุกคน โดยไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม และพร้อมจะสู้ในทุกโอกาส และพออนุมานได้ว่าทุกวันนี้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ยังคงมีความหวังกับเก้าอี้ตัวนี้อยู่
ขณะเดียวกันหากมองในมุมของ พ.ต.ท.ทักษิณ อาจกล่าวได้ว่าในสำนักงานตำรวจแห่งชาติทุกวันนี้ แม้จะมีตำรวจมะเขือเทศอยู่มากมาย และแม้ทุกคนพร้อมจะสู้เพื่อนายใหญ่ แต่แทบจะไม่มีใครที่สามารถไว้วางใจ ได้เท่ากับ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ อีกแล้ว
ฉะนั้นเมื่อการเมืองเปลี่ยน ตำแหน่งผบ.ตร.ก็ย่อมมีอันต้องสั่นคลอนตามไปด้วย สปอร์ตไลต์ทุกดวงย่อมต้องหันมาจับที่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ อย่างไม่ต้องสงสัย คนใกล้ชิดหรือแม้แต่ตัว พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ เอง ย่อมอดคิดไม่ได้ว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ซึ่งจะเกษียณอายุราชการในปี 2555 และยังเหลืออายุราชการตั้ง 1 ปี น่าจะมีสิทธิ์ขึ้นมารั้งตำแหน่งผู้นำองค์กรสีกากี หาก พล.ต.อ.วิเชียร ซึ่งถูกมองว่ารับใช้รัฐบาล ปชป. มีอันต้องกระเด็กตกจากเก้าอี้ หากผลเลือกตั้ง จบที่พรรคเพื่อไทย เป็นรัฐบาล!