ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกฎหมาย ม.มหามกุฏราชวิทยาลัย เข้าร้องตำรวจกองปราบแจ้งจับพระทำแพลงกิ้งโชว์ว่อนผ่านเน็ตหวั่นทำศาสนาเสื่อม วอนพระที่ทำแพลงกิ้งแสดงความรับผิดชอบเข้ามอบตัว ส่วนกรณีมีสามเณรโชว์พับเพียบหากมีผู้ร้องเรียนให้ทำการตักเตือนต่อไป
วันนี้ (22 มิ.ย.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 11.00 น. นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกฎหมาย มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สมเกียรติ ตันติกนกพร พนักงานสอบสวน (สบ 3) กก.1 บก.ป. เพื่อขอให้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน กรณีพระภิกษุสงฆ์ทำแพลงกิ้ง โดยนำภาพถ่ายและข้อมูลที่เกี่ยวข้องมามอบไว้เป็นหลักฐาน
นายสงกรานต์กล่าวว่า เดินทางมาในฐานะส่วนตัวเพื่อให้พนักงานสอบสวนลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเพื่อไม่ให้พระรูปอื่นนำไปทำเป็นเยี่ยงอย่าง เนื่องจากการกระทำดังกล่าวอาจทำให้ชาวบ้านซึ่งไม่ทราบเรื่องแพลงกิ้งเข้าใจผิดว่าสามารถลอยตัวได้ ซึ่งเข้าข่ายเป็นการอวดอุตริมนุษยธรรม ส่วนกรณีพระที่ทำแพลงกิ้งนั้น ล่าสุดทราบว่าวัดกลางเกร็ด จ.นนทบุรี ได้ให้พระรูปนี้ออกจากวัดไปแล้ว แต่ก็อยากให้ออกมาแสดงความรับผิดชอบ ส่วนกรณีสามเณรที่ทำท่านั่งพับเพียบนั้นหากมีผู้ร้องเรียนมาก็จะไปทำการตักเตือนต่อไป
“การที่พระทำแพลงกิ้งถือเป็นการอวดอ้างคุณวิเศษที่ตนเองไม่มี ซึ่งในทางพุทธศาสนามี 4 ข้อที่ถือว่าเป็นการปาราชิก คือ 1.เสพเมถุน 2.เอาของที่เจ้าของไม่ได้ให้ 3.ฆ่ามนุษย์ และ 4.อวดอ้างคุณวิเศษ เช่นกรณีนี้ถือว่าพระรูปนี้ได้ขาดจากการเป็นภิกษุตั้งแต่มีการโพสต์ขึ้นอินเทอร์เน็ตทันที ซึ่งทราบมาว่าพระรูปนี้ได้ทำมานานแล้ว”
นายสงกรานต์กล่าวด้วยว่า พระที่ทำแพลงกิ้งรูปนี้ใช้ฉายาในอินเทอร์เน็ตว่า “ชินสี ห่วงรัก” จึงอยากให้พระรูปนี้ออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อความเสียหายทางพุทธศาสนาที่เกิดขึ้นด้วย
วันนี้ (22 มิ.ย.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 11.00 น. นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกฎหมาย มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สมเกียรติ ตันติกนกพร พนักงานสอบสวน (สบ 3) กก.1 บก.ป. เพื่อขอให้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน กรณีพระภิกษุสงฆ์ทำแพลงกิ้ง โดยนำภาพถ่ายและข้อมูลที่เกี่ยวข้องมามอบไว้เป็นหลักฐาน
นายสงกรานต์กล่าวว่า เดินทางมาในฐานะส่วนตัวเพื่อให้พนักงานสอบสวนลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเพื่อไม่ให้พระรูปอื่นนำไปทำเป็นเยี่ยงอย่าง เนื่องจากการกระทำดังกล่าวอาจทำให้ชาวบ้านซึ่งไม่ทราบเรื่องแพลงกิ้งเข้าใจผิดว่าสามารถลอยตัวได้ ซึ่งเข้าข่ายเป็นการอวดอุตริมนุษยธรรม ส่วนกรณีพระที่ทำแพลงกิ้งนั้น ล่าสุดทราบว่าวัดกลางเกร็ด จ.นนทบุรี ได้ให้พระรูปนี้ออกจากวัดไปแล้ว แต่ก็อยากให้ออกมาแสดงความรับผิดชอบ ส่วนกรณีสามเณรที่ทำท่านั่งพับเพียบนั้นหากมีผู้ร้องเรียนมาก็จะไปทำการตักเตือนต่อไป
“การที่พระทำแพลงกิ้งถือเป็นการอวดอ้างคุณวิเศษที่ตนเองไม่มี ซึ่งในทางพุทธศาสนามี 4 ข้อที่ถือว่าเป็นการปาราชิก คือ 1.เสพเมถุน 2.เอาของที่เจ้าของไม่ได้ให้ 3.ฆ่ามนุษย์ และ 4.อวดอ้างคุณวิเศษ เช่นกรณีนี้ถือว่าพระรูปนี้ได้ขาดจากการเป็นภิกษุตั้งแต่มีการโพสต์ขึ้นอินเทอร์เน็ตทันที ซึ่งทราบมาว่าพระรูปนี้ได้ทำมานานแล้ว”
นายสงกรานต์กล่าวด้วยว่า พระที่ทำแพลงกิ้งรูปนี้ใช้ฉายาในอินเทอร์เน็ตว่า “ชินสี ห่วงรัก” จึงอยากให้พระรูปนี้ออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อความเสียหายทางพุทธศาสนาที่เกิดขึ้นด้วย