ปส.ขยายผลยึดยาบ้าเพิ่มอีก 1.1 ล้านเม็ด มูลค่า 300 ล้าน ซุกในช่องลับพิเศษด้านหลังเบาะนั่งรถของกลางที่ยึดได้จากการจับกุมแก๊งโจรกรรมรถเมื่อ 1 ปีที่ผ่านมา หลังได้รับแจ้งจากสายลับและวิเคราะห์ทางคดีพบผู้ต้องหาอยู่ในขบวนการค้ายาเสพติด “เครือข่ายสายไหม” น่าจะมียาบ้าซุกซ่อนอีกจำนวนมาก อีกรายรวบหนุ่มฟิลิปปินส์ลักลอบหิ้วยาไอซ์กะขนผ่านไทยไปบ้านเกิด พร้อมจับ 11 ผู้ต้องหาสนองยุทธการปราบยา 315
วันนี้ (16 มิ.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. พล.ต.ท.อติเทพ ปัญจมานนท์ ผบช.ปส. พล.ต.ต.หาญพล นิตย์วิบูลย์ รองผบช.ปส. พร้อมด้วย พล.ต.ต.แสงสูรย์ กรรณสูตร ผบก.ปส.1 แถลงการตรวจยึดยาบ้าจำนวน 1,130,000 เม็ด มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท พร้อมของกลางรถเก๋งยี่ห้อโฮลเด้น สีขาว หมายเลขทะเบียน พศ 9189 กรุงเทพมหานคร รถเก๋งยี่ห้อแดวู สีดำ หมายเลขทะเบียน ษฉ 6787 กรุงเทพมหานคร และรถเก๋งยี่ห้อเปอร์โย รุ่น 305 หมายเลขทะเบียน 5ฉ 7674 กรุงเทพมหานคร โดยรถยนต์ทั้ง 3 คันเป็นรถยนต์ที่ถูกยึดและตรวจสอบไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส.ได้นำรถทั้ง 3 คัน ออกมาจากโรงเก็บรถของกลางเพื่อทำการตรวจค้นอย่างละเอียดอีกครั้ง หลังได้รับแจ้งจากสายลับและการวิเคราะห์พฤติการณ์ทางคดีว่าน่าจะมียาบ้าซุกซ่อนอยู่อีกจำนวนมาก
พล.ต.ท.อติเทพ เปิดเผยว่า การตรวจยึดยาบ้ากว่า 1 ล้านเม็ดครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากเมื่อเดือนพ.ค.2553 ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจของบก.สส.บช.น.ได้จับกุมตัวนายสิงห์ ชาภักดี ผู้ต้องหาในคดีโจรกรรมรถยนต์ จากนั้นได้คุมตัวผู้ต้องหาไปทำการขยายผลยึดรถยนต์ในท้องที่สน.บางเขนได้อีกจำนวน 6 คัน ประกอบด้วย 1.รถยนต์ยี่ห้อโฮลเด้น สีขาว หมายเลขทะเบียน พศ 9189 กรุงเทพมหานคร 2.รถเก๋งยี่ห้อแดวู สีดำ หมายเลขทะเบียน ษฉ 6787 กรุงเทพมหานคร 3.รถเก๋งยี่ห้อเปอร์โย รุ่น 305 หมายเลขทะเบียน 5ฉ 7674 กรุงเทพมหานคร 4.รถยนต์ยี่ห้อดัสสัน สีเทา หมายเลขทะเบียน ษฬ 1977 กรุงเทพมหานคร 5.รถเก๋งมิตซูบิชิ สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน 8ฬ 3224 กรุงเทพมหานคร 6.รถเก๋งยี่ห้อมิตซูบิชิ สีดำ หมายเลขทะเบียน กล 6366 เชียงใหม่ เมื่อนำมาตรวจสอบพบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ท้ายรถโฮลเด้น 50,000 เม็ด รถเก๋งมิตซูบิชิ 10,000 เม็ด และรถเก๋งดัสสันอีก 316,000 เม็ด ส่วนรถคันอื่นๆ ไม่พบ
พล.ต.ท.อติเทพ กล่าวอีกว่า หลังจับกุมตำรวจท้องที่ทั้ง สภ.ธัญบุรี และ สน.บางเขน ได้ส่งรถยนต์ของกลางมาให้พนักงานสอบสวนบช.ปส.รวบรวมเพื่อดำเนินคดี แต่ระหว่างนั้นฝ่ายข่าวของ บก.ปส.1ได้วิเคราะห์พฤติการณ์ทางคดีและได้รับแจ้งจากสายลับว่านายสิงห์ที่ถูกจับกุมไปแล้วเป็นเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ของ “เครือข่ายสายไหม” และน่าจะมีของกลางซุกซ่อนอยู่อีกจำนวนมาก จึงได้เดินทางไปตรวจสอบรถยนต์ของกลางอย่างละเอียดจนพบยาบ้า 150,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในรถเก๋งเปอร์โย ส่วนรถเก๋งแดวูพบยาบ้า 280,000 เม็ด และรถเก๋งโฮเด้นพบยาบ้า 700,000 เม็ด รวมกว่า 1 ล้านเม็ด โดยยาบ้าทั้งหมดถูกซุกซ่อนไว้ในช่องลับพิเศษที่ด้านหลังเบาะนั่งของรถแต่ละคัน หากตรวจสอบด้วยตาเปล่าไม่สามารถรู้ได้เลยว่ามียาบ้าซุกซ่อนไว้จนเวลาผ่านไปเกือบ 1 ปีแล้ว หลังจากนี้ จะต้องมีการเข้มงวดการตรวจรถของกลาง และตรวจดีเอ็นเอในรถเพื่อดูว่าตรงกับผู้ต้องสงสัยคนใด และจะทำการขยายผลออกหมายจับขบวนการของนายสิงห์ต่อไป
คดีที่ 2 พล.ต.ต.แสงสูรย์ แถลงการจับกุมตัว นายยู คาร์ล คูมินต้า อายุ 26 ปี สัญชาติฟิลิปปินส์ พร้อมของกลางยาไอซ์ น้ำหนัก 2.160 กิโลกรัม กระเป๋าเดินทางสีน้ำตาล 1 ใบ โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง โดยจับกุมตัวได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ หลังสืบทราบว่าผู้ต้องหาจะเดินทางจากเมืองอัคครา ประเทศกาน่า มาต่อเครื่องบินที่เมืองแอสดิสบาบาด้วยสายการบินเอธิโอเปียแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่อีที 606 เพื่อขนยาเสพติดผ่านเข้ามาในประเทศไทย ก่อนเดินทางต่อไปยังกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งหลังจากนี้จะควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินคดีต่อไป
คดีที่ 3 พล.ต.ต.หาญพล แถลงการจับกุม นายกฤษดา ล่วงพ้น อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13/7 หมู่ 3 ต.เชิงเนิน อ.เมือง จ.ระยอง โดยจับกุมตัวได้ที่ซอยรามคำแหง 89/2 ถนนรามคำแหง แขวงและเขตหัวหมาก กทม. ซึ่งการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากการจับกุมตัวนายนพรัตน์ แก้วประดับ พร้อมกัญชา 460 แท่ง บริเวณริมถนนมิตรภาพ ต.หนองหว้า อ.บัวลาย จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 18 ก.ค.2549 ซึ่งนายนพรัตน์ให้การว่านายกฤษดา มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดด้วย จึงทำการออกหมายจับและติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีดังกล่าว
คดีสุดท้ายเป็นการจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดตามแผนยุทธการ 315 โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 11 ราย เป็นชาวต่างชาติ 2 ราย พร้อมของกลางยาบ้า 140 เม็ด และยาไอซ์อีกประมาณ 4 กรัม โดยจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดได้ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล หลังจากนี้จะควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย และเร่งขยายผลไปถึงผู้ร่วมขบวนการต่อไป
วันนี้ (16 มิ.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. พล.ต.ท.อติเทพ ปัญจมานนท์ ผบช.ปส. พล.ต.ต.หาญพล นิตย์วิบูลย์ รองผบช.ปส. พร้อมด้วย พล.ต.ต.แสงสูรย์ กรรณสูตร ผบก.ปส.1 แถลงการตรวจยึดยาบ้าจำนวน 1,130,000 เม็ด มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท พร้อมของกลางรถเก๋งยี่ห้อโฮลเด้น สีขาว หมายเลขทะเบียน พศ 9189 กรุงเทพมหานคร รถเก๋งยี่ห้อแดวู สีดำ หมายเลขทะเบียน ษฉ 6787 กรุงเทพมหานคร และรถเก๋งยี่ห้อเปอร์โย รุ่น 305 หมายเลขทะเบียน 5ฉ 7674 กรุงเทพมหานคร โดยรถยนต์ทั้ง 3 คันเป็นรถยนต์ที่ถูกยึดและตรวจสอบไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส.ได้นำรถทั้ง 3 คัน ออกมาจากโรงเก็บรถของกลางเพื่อทำการตรวจค้นอย่างละเอียดอีกครั้ง หลังได้รับแจ้งจากสายลับและการวิเคราะห์พฤติการณ์ทางคดีว่าน่าจะมียาบ้าซุกซ่อนอยู่อีกจำนวนมาก
พล.ต.ท.อติเทพ เปิดเผยว่า การตรวจยึดยาบ้ากว่า 1 ล้านเม็ดครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากเมื่อเดือนพ.ค.2553 ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจของบก.สส.บช.น.ได้จับกุมตัวนายสิงห์ ชาภักดี ผู้ต้องหาในคดีโจรกรรมรถยนต์ จากนั้นได้คุมตัวผู้ต้องหาไปทำการขยายผลยึดรถยนต์ในท้องที่สน.บางเขนได้อีกจำนวน 6 คัน ประกอบด้วย 1.รถยนต์ยี่ห้อโฮลเด้น สีขาว หมายเลขทะเบียน พศ 9189 กรุงเทพมหานคร 2.รถเก๋งยี่ห้อแดวู สีดำ หมายเลขทะเบียน ษฉ 6787 กรุงเทพมหานคร 3.รถเก๋งยี่ห้อเปอร์โย รุ่น 305 หมายเลขทะเบียน 5ฉ 7674 กรุงเทพมหานคร 4.รถยนต์ยี่ห้อดัสสัน สีเทา หมายเลขทะเบียน ษฬ 1977 กรุงเทพมหานคร 5.รถเก๋งมิตซูบิชิ สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน 8ฬ 3224 กรุงเทพมหานคร 6.รถเก๋งยี่ห้อมิตซูบิชิ สีดำ หมายเลขทะเบียน กล 6366 เชียงใหม่ เมื่อนำมาตรวจสอบพบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ท้ายรถโฮลเด้น 50,000 เม็ด รถเก๋งมิตซูบิชิ 10,000 เม็ด และรถเก๋งดัสสันอีก 316,000 เม็ด ส่วนรถคันอื่นๆ ไม่พบ
พล.ต.ท.อติเทพ กล่าวอีกว่า หลังจับกุมตำรวจท้องที่ทั้ง สภ.ธัญบุรี และ สน.บางเขน ได้ส่งรถยนต์ของกลางมาให้พนักงานสอบสวนบช.ปส.รวบรวมเพื่อดำเนินคดี แต่ระหว่างนั้นฝ่ายข่าวของ บก.ปส.1ได้วิเคราะห์พฤติการณ์ทางคดีและได้รับแจ้งจากสายลับว่านายสิงห์ที่ถูกจับกุมไปแล้วเป็นเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ของ “เครือข่ายสายไหม” และน่าจะมีของกลางซุกซ่อนอยู่อีกจำนวนมาก จึงได้เดินทางไปตรวจสอบรถยนต์ของกลางอย่างละเอียดจนพบยาบ้า 150,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในรถเก๋งเปอร์โย ส่วนรถเก๋งแดวูพบยาบ้า 280,000 เม็ด และรถเก๋งโฮเด้นพบยาบ้า 700,000 เม็ด รวมกว่า 1 ล้านเม็ด โดยยาบ้าทั้งหมดถูกซุกซ่อนไว้ในช่องลับพิเศษที่ด้านหลังเบาะนั่งของรถแต่ละคัน หากตรวจสอบด้วยตาเปล่าไม่สามารถรู้ได้เลยว่ามียาบ้าซุกซ่อนไว้จนเวลาผ่านไปเกือบ 1 ปีแล้ว หลังจากนี้ จะต้องมีการเข้มงวดการตรวจรถของกลาง และตรวจดีเอ็นเอในรถเพื่อดูว่าตรงกับผู้ต้องสงสัยคนใด และจะทำการขยายผลออกหมายจับขบวนการของนายสิงห์ต่อไป
คดีที่ 2 พล.ต.ต.แสงสูรย์ แถลงการจับกุมตัว นายยู คาร์ล คูมินต้า อายุ 26 ปี สัญชาติฟิลิปปินส์ พร้อมของกลางยาไอซ์ น้ำหนัก 2.160 กิโลกรัม กระเป๋าเดินทางสีน้ำตาล 1 ใบ โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง โดยจับกุมตัวได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ หลังสืบทราบว่าผู้ต้องหาจะเดินทางจากเมืองอัคครา ประเทศกาน่า มาต่อเครื่องบินที่เมืองแอสดิสบาบาด้วยสายการบินเอธิโอเปียแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่อีที 606 เพื่อขนยาเสพติดผ่านเข้ามาในประเทศไทย ก่อนเดินทางต่อไปยังกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งหลังจากนี้จะควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินคดีต่อไป
คดีที่ 3 พล.ต.ต.หาญพล แถลงการจับกุม นายกฤษดา ล่วงพ้น อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13/7 หมู่ 3 ต.เชิงเนิน อ.เมือง จ.ระยอง โดยจับกุมตัวได้ที่ซอยรามคำแหง 89/2 ถนนรามคำแหง แขวงและเขตหัวหมาก กทม. ซึ่งการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากการจับกุมตัวนายนพรัตน์ แก้วประดับ พร้อมกัญชา 460 แท่ง บริเวณริมถนนมิตรภาพ ต.หนองหว้า อ.บัวลาย จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 18 ก.ค.2549 ซึ่งนายนพรัตน์ให้การว่านายกฤษดา มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดด้วย จึงทำการออกหมายจับและติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีดังกล่าว
คดีสุดท้ายเป็นการจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดตามแผนยุทธการ 315 โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 11 ราย เป็นชาวต่างชาติ 2 ราย พร้อมของกลางยาบ้า 140 เม็ด และยาไอซ์อีกประมาณ 4 กรัม โดยจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดได้ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล หลังจากนี้จะควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย และเร่งขยายผลไปถึงผู้ร่วมขบวนการต่อไป
