ข้าราชการบำนาญวัย 88 ปี ถูกตีหัวด้วยของแข็งนอนจมกองเลือดเสียชีวิตภายในบ้านที่เปิดให้คนเช่า ขณะที่พยานระบุได้ยินเสียงผู้ตายทะเลาะกับผู้เช่าเรื่องทวงค่าเช่าในบ้านเกิดเหตุ แล้วเสียงเงียบไปไม่เอะใจจนได้กลิ่นเหม็นเน่าเลยแจ้งตำรวจ ส่วนลูกสาวบอกพ่อเคยชวนให้มาเป็นเพื่อนทวงค่าเช่าบ้านแต่ไม่ว่างมา เห็นหายไปหลายวันก็ไม่แปลกใจเพราะไม่เจอหน้าหลายวันเป็นปกติ เคยมาตามพ่อที่บ้านเช่าแต่เจอบ้านล็อก
เมื่อเวลา 12.00 น.วันนี้ (28 พ.ค.) พ.ต.ท.ปทีป สุทธิ พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.ยานนาวา รับแจ้งเหตุพบศพชายเสียชีวิตภายในห้องเลขที่ 442 ซอยสาทร 11 ถนนสาทร แขวงยานนาวา เขตสาทร จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ยานนาวา เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 3 ชั้นครึ่ง ปลูกติดกันจำนวน 8 คูหา จากการตรวจสอบภายในห้องชั้น 2 ของบ้านหลังดังกล่าวพบศพ ร.ต.ต.สงวน เจียมนิยม อายุ 88 ปี ข้าราชการบำนาญ สภาพนอนคว่ำตะแคงขวาจมกองเลือดอยู่บริเวณริมหน้าต่างห้อง สวมเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้ม นุ่งกางเกงขายาวสีดำ ตรวจสอบตามร่างกายพบว่าบาดแผลถูกตีด้วยของแข็งที่บริเวณศีรษะด้านหลัง โดยใกล้กับศพพบร่มสีชมพู 1 คัน และกระเป๋าสตางค์ 1 ใบ ตรวจสอบภายในพบเพียงเศษเหรียญไม่กี่สิบบาท กับบัตรประจำตัวข้าราชการของผู้ตาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนชาวบ้านในละแลกที่เกิดเหตุ ให้การว่า บ้านหลังดังกล่าวผู้ตายได้ปล่อยให้ผู้หญิงคนหนึ่งชื่อเจี๊ยบ ไม่ทราบชื่อจริง-นามสกุลจริง เช่าเดือนละ 7,500 บาท โดยจะโอนเงินเข้าบัญชีผู้ตายทุกเดือน แต่เดือนล่าสุดผู้ตายยังไม่ได้รับค่าเช่า ผู้ตายจึงได้เดินทางมาทวงถามค่าเช่าเมื่อประมาณ 1 อาทิตย์ก่อน ทำให้ผู้ตายรู้ความจริงว่า น.ส.เจี๊ยบได้แบ่งบ้านให้คนอื่นเช่าต่อให้กับคู่สามีภรรยา 2 คู่ จำนวน 4 คน อยู่กันครอบครัวละชั้นคือชั้น 2 และชั้น 3 ในราคาคนละ 2,700 บาท
พยานคนเดิมกล่าวต่อว่า หลังจากนั้นตนได้ยินเสียงคนทะเลาะกันเกี่ยวกับเรื่องค่าเช่าบ้านอยู่สักพักจากนั้นเสียงก็เงียบไป ซึ่งพอวันรุ่งขึ้นก็เห็นสามีภรรยาคู่หนึ่งมาเก็บข้าวของออกจากบ้านเช่าไปแล้วก็ปิดล็อกประตูไว้ ซึ่งตนก็ไม่ได้เอะใจอะไร จนกระทั่งวันนี้ได้กลิ่นเหม็นเน่าจึงแจ้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบก็ทำให้รู้ว่าผู้ตายเสียชีวิตดังกล่าว
ด้านลูกสาวของผู้ตายกล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ก่อนพ่อได้โทร.มาบอกให้ตนช่วยมาเป็นเพื่อนในการทวงค่าเช่า เพราะคนที่เช่าบ้านไม่ได้โอนค่าเช่ามาให้หลายเดือนแล้ว แต่ตนไม่ว่างจึงไม่ได้มาด้วย หลังจากนั้นตนก็มาตามพ่อที่บ้านหลังนี้ แต่พบว่าบ้านล็อกจึงเดินทางกลับ และไม่ได้เอะใจอะไร เพราะตนกับพ่อพักอาศัยอยู่คนละบ้าน และปกติพ่อก็หายออกจากบ้านไปประมาณ 3-4 วันเป็นประจำอยู่แล้ว ตนจึงไม่คิดว่าจะเกิดเรื่อแบบนี้กับพ่อตน จนกระทั่งวันนี้ทราบว่าพ่อเสียชีวิต จึงรีบเดินทางมาทันที
ด้านผู้เช่าบ้านรายหนึ่งเปิดเผยว่า ตนเคยเช่าบ้านหลังนี้มาก่อนแต่ได้ย้ายออกแล้ว โดยก่อนที่ตนจะย้ายออกมา ผู้ตายก็เคยมาเก็บค่าเช่ากับตน เนื่องจากไม่ได้รับค่าเช่ามาหลายเดือนแล้ว ซึ่งตนก็ยืนยันไปว่าได้จ่ายค่าเช่าให้กับ น.ส.เจี๊ยบไปแล้ว และหลังจากที่ตนย้ายออกมา ผู้ตายก็ทำการเปลี่ยนลูกกุญแจใหม่หมด โดยหลังจากนั้นก็ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น และไม่ทราบว่าผู้ตายเสียชีวิตได้อย่างไร
ด้าน พ.ต.ท.ปทีปกล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่าเงินสดของผู้ตายได้หายไปด้วย ซึ่งหลังจากนี้จะส่งศพผู้ตายไปชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียดอีกครั้งว่าเสียชีวิตจากสาเหตุอะไร ก่อนดำเนินการต่อไป
เมื่อเวลา 12.00 น.วันนี้ (28 พ.ค.) พ.ต.ท.ปทีป สุทธิ พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.ยานนาวา รับแจ้งเหตุพบศพชายเสียชีวิตภายในห้องเลขที่ 442 ซอยสาทร 11 ถนนสาทร แขวงยานนาวา เขตสาทร จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ยานนาวา เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 3 ชั้นครึ่ง ปลูกติดกันจำนวน 8 คูหา จากการตรวจสอบภายในห้องชั้น 2 ของบ้านหลังดังกล่าวพบศพ ร.ต.ต.สงวน เจียมนิยม อายุ 88 ปี ข้าราชการบำนาญ สภาพนอนคว่ำตะแคงขวาจมกองเลือดอยู่บริเวณริมหน้าต่างห้อง สวมเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้ม นุ่งกางเกงขายาวสีดำ ตรวจสอบตามร่างกายพบว่าบาดแผลถูกตีด้วยของแข็งที่บริเวณศีรษะด้านหลัง โดยใกล้กับศพพบร่มสีชมพู 1 คัน และกระเป๋าสตางค์ 1 ใบ ตรวจสอบภายในพบเพียงเศษเหรียญไม่กี่สิบบาท กับบัตรประจำตัวข้าราชการของผู้ตาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนชาวบ้านในละแลกที่เกิดเหตุ ให้การว่า บ้านหลังดังกล่าวผู้ตายได้ปล่อยให้ผู้หญิงคนหนึ่งชื่อเจี๊ยบ ไม่ทราบชื่อจริง-นามสกุลจริง เช่าเดือนละ 7,500 บาท โดยจะโอนเงินเข้าบัญชีผู้ตายทุกเดือน แต่เดือนล่าสุดผู้ตายยังไม่ได้รับค่าเช่า ผู้ตายจึงได้เดินทางมาทวงถามค่าเช่าเมื่อประมาณ 1 อาทิตย์ก่อน ทำให้ผู้ตายรู้ความจริงว่า น.ส.เจี๊ยบได้แบ่งบ้านให้คนอื่นเช่าต่อให้กับคู่สามีภรรยา 2 คู่ จำนวน 4 คน อยู่กันครอบครัวละชั้นคือชั้น 2 และชั้น 3 ในราคาคนละ 2,700 บาท
พยานคนเดิมกล่าวต่อว่า หลังจากนั้นตนได้ยินเสียงคนทะเลาะกันเกี่ยวกับเรื่องค่าเช่าบ้านอยู่สักพักจากนั้นเสียงก็เงียบไป ซึ่งพอวันรุ่งขึ้นก็เห็นสามีภรรยาคู่หนึ่งมาเก็บข้าวของออกจากบ้านเช่าไปแล้วก็ปิดล็อกประตูไว้ ซึ่งตนก็ไม่ได้เอะใจอะไร จนกระทั่งวันนี้ได้กลิ่นเหม็นเน่าจึงแจ้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบก็ทำให้รู้ว่าผู้ตายเสียชีวิตดังกล่าว
ด้านลูกสาวของผู้ตายกล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ก่อนพ่อได้โทร.มาบอกให้ตนช่วยมาเป็นเพื่อนในการทวงค่าเช่า เพราะคนที่เช่าบ้านไม่ได้โอนค่าเช่ามาให้หลายเดือนแล้ว แต่ตนไม่ว่างจึงไม่ได้มาด้วย หลังจากนั้นตนก็มาตามพ่อที่บ้านหลังนี้ แต่พบว่าบ้านล็อกจึงเดินทางกลับ และไม่ได้เอะใจอะไร เพราะตนกับพ่อพักอาศัยอยู่คนละบ้าน และปกติพ่อก็หายออกจากบ้านไปประมาณ 3-4 วันเป็นประจำอยู่แล้ว ตนจึงไม่คิดว่าจะเกิดเรื่อแบบนี้กับพ่อตน จนกระทั่งวันนี้ทราบว่าพ่อเสียชีวิต จึงรีบเดินทางมาทันที
ด้านผู้เช่าบ้านรายหนึ่งเปิดเผยว่า ตนเคยเช่าบ้านหลังนี้มาก่อนแต่ได้ย้ายออกแล้ว โดยก่อนที่ตนจะย้ายออกมา ผู้ตายก็เคยมาเก็บค่าเช่ากับตน เนื่องจากไม่ได้รับค่าเช่ามาหลายเดือนแล้ว ซึ่งตนก็ยืนยันไปว่าได้จ่ายค่าเช่าให้กับ น.ส.เจี๊ยบไปแล้ว และหลังจากที่ตนย้ายออกมา ผู้ตายก็ทำการเปลี่ยนลูกกุญแจใหม่หมด โดยหลังจากนั้นก็ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น และไม่ทราบว่าผู้ตายเสียชีวิตได้อย่างไร
ด้าน พ.ต.ท.ปทีปกล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่าเงินสดของผู้ตายได้หายไปด้วย ซึ่งหลังจากนี้จะส่งศพผู้ตายไปชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียดอีกครั้งว่าเสียชีวิตจากสาเหตุอะไร ก่อนดำเนินการต่อไป