“ธาริต” ศอกกลับ “เต้น ณัฐวุฒิ-ตู่ จตุพร” เป็นผู้ต้องหาในคดีก่อการร้าย และหันไปพึ่งใบบุญลงเล่นการเมือง เพื่อต้องการเอกสิทธิ์คุ้มกะลาหัว อาจทำให้คดีมีปัญหาได้ ชี้ข้าราชการประจำทำหน้าที่บังคับใช้กฎหมายอย่างถูกต้องไม่ได้กลั่นแกล้งในคดีล้มเจ้า ยันไม่ท้อแท้และไม่กลัวคำขู่ แต่หากฝ่ายตรงข้ามยังละเมิดไปมากกว่านี้อาจดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
วันนี้ (24 พ.ค.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ กล่าวถึงกรณีที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. ระบุว่าอธิบดีดีเอสไอออกหมายเรียก นปช.19 คนให้มารับทราบข้อกล่าวหาคดีละเมิดสถาบัน แสดงให้เห็นว่ามีการรับลูกและสั่งการเป็นทอดๆ จากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่เป็นคนภาวนา ส่วนนายธาริตก็นำไปปฏิบัติเสมือนเป็นลูกกรอกของนายสุเทพว่า แกนนำ นปช.มีการกระทำผิดกฎหมายบ้านเมืองในคดีก่อการร้าย ซึ่งอัยการได้ส่งฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลแล้ว นอกจากนี้ก็มีคดีคู่ขนาน คือ มีการกระทำเข้าข่ายผิดกฎหมายในคดีล้มเจ้า ดังนั้น ดีเอสไอจำเป็นต้องดำเนินคดี แกนนำ นปช.จึงไม่ควรมาติติงเจ้าหน้าที่รัฐที่เป็นข้าราชการประจำโดยทำหน้าที่บังคับกฎหมาย ซึ่งไม่ได้ดูว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุหรือต้นเหตุของการละเมิดกฎหมายบ้านเมือง
“ถ้าไม่มีการกระทำผิดในคดีล้มเจ้า เราก็จะไม่ไปยุ่งกับเขา แต่เมื่อมีการกระทำที่ล่วงละเมิดต่อกฎหมายแผ่นดิน ผู้บังคับใช้กฎหมายก็ต้องทำหน้าที่ ถ้าดีเอสไอไม่ทำแล้วใครจะทำ เราก็ทำหน้าที่รักษากฎหมายตามปกติ” นายธาริตกล่าว
นายธาริตกล่าวต่อว่า ตนเห็นว่าขณะนี้มีปรากฏการณ์แปลกๆ คือ เมื่อใครกระทำผิดกฎหมายก็จะหันไปลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. เพื่อให้มีเอกสิทธิ์คุ้มครองทางการเมือง โดยเฉพาะคดีก่อการร้ายก็มีให้เห็นแล้ว ซึ่งมีผู้ที่เป็นจำเลยในคดีหลายคนด้วยกันไม่ว่าจะเป็นนายจตุพร พรหมพันธุ์ นายการุณ โหสกุล และนายวิเชียร ขาวขำ ก็ได้ใช้เอกสิทธิ์ทางการเมือง ซึ่งทำให้ส่งผลต่อการดำเนินคดีก่อการร้าย
ส่วน นายณัฐวุฒิ ผู้ต้องหาคดีก่อการร้าย ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่าตนเองกำลังจะเข้าสู่การลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนักการเมืองเช่นเดียวกันอาจทำให้การดำเนินคดีมีปัญหาได้ ซึ่งเราในฐานะที่เป็นผู้บังคับใช้กฎหมายรู้สึกไม่สบายใจต่อปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว และยืนยันว่าตนทำงานตามหน้าที่ และไม่ได้ท้าทายฝ่ายการเมือง แต่ตราบใดที่ยังต้องมีหน้าที่อยู่ก็จะทำหน้าที่ต่อไป ซึ่งไม่ได้รู้สึกท้อแท้หรือหวาดกลัวต่อคำขู่ หรือคำวิจารณ์ อย่างไรก็ตาม ตนอยากเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอคนอื่นๆ ด้วย
“ถือเป็นการวิพากษ์ที่รุนแรงว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง รับออเดอร์จากนายสุเทพ และเป็นคนบริกรรมคาถา ผมเป็นผู้ปฏิบัติหรือเป็นลูกกรอก มันไม่ถูกต้อง ยืนยันว่าไม่เคยรับออเดอร์จากฝ่ายการเมืองหรือรัฐบาลปัจจุบัน เราทำตามหน้าที่ ซึ่งคงไม่ฟ้องร้องดำเนินคดี แต่ถ้ามีการก้าวล่วงหรือละเมิดมากไปกว่านี้ ผมอาจจะพิจารณาดำเนินการทางกฎหมายก็ได้” นายธาริตกล่าว
วันนี้ (24 พ.ค.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ กล่าวถึงกรณีที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. ระบุว่าอธิบดีดีเอสไอออกหมายเรียก นปช.19 คนให้มารับทราบข้อกล่าวหาคดีละเมิดสถาบัน แสดงให้เห็นว่ามีการรับลูกและสั่งการเป็นทอดๆ จากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่เป็นคนภาวนา ส่วนนายธาริตก็นำไปปฏิบัติเสมือนเป็นลูกกรอกของนายสุเทพว่า แกนนำ นปช.มีการกระทำผิดกฎหมายบ้านเมืองในคดีก่อการร้าย ซึ่งอัยการได้ส่งฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลแล้ว นอกจากนี้ก็มีคดีคู่ขนาน คือ มีการกระทำเข้าข่ายผิดกฎหมายในคดีล้มเจ้า ดังนั้น ดีเอสไอจำเป็นต้องดำเนินคดี แกนนำ นปช.จึงไม่ควรมาติติงเจ้าหน้าที่รัฐที่เป็นข้าราชการประจำโดยทำหน้าที่บังคับกฎหมาย ซึ่งไม่ได้ดูว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุหรือต้นเหตุของการละเมิดกฎหมายบ้านเมือง
“ถ้าไม่มีการกระทำผิดในคดีล้มเจ้า เราก็จะไม่ไปยุ่งกับเขา แต่เมื่อมีการกระทำที่ล่วงละเมิดต่อกฎหมายแผ่นดิน ผู้บังคับใช้กฎหมายก็ต้องทำหน้าที่ ถ้าดีเอสไอไม่ทำแล้วใครจะทำ เราก็ทำหน้าที่รักษากฎหมายตามปกติ” นายธาริตกล่าว
นายธาริตกล่าวต่อว่า ตนเห็นว่าขณะนี้มีปรากฏการณ์แปลกๆ คือ เมื่อใครกระทำผิดกฎหมายก็จะหันไปลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. เพื่อให้มีเอกสิทธิ์คุ้มครองทางการเมือง โดยเฉพาะคดีก่อการร้ายก็มีให้เห็นแล้ว ซึ่งมีผู้ที่เป็นจำเลยในคดีหลายคนด้วยกันไม่ว่าจะเป็นนายจตุพร พรหมพันธุ์ นายการุณ โหสกุล และนายวิเชียร ขาวขำ ก็ได้ใช้เอกสิทธิ์ทางการเมือง ซึ่งทำให้ส่งผลต่อการดำเนินคดีก่อการร้าย
ส่วน นายณัฐวุฒิ ผู้ต้องหาคดีก่อการร้าย ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่าตนเองกำลังจะเข้าสู่การลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนักการเมืองเช่นเดียวกันอาจทำให้การดำเนินคดีมีปัญหาได้ ซึ่งเราในฐานะที่เป็นผู้บังคับใช้กฎหมายรู้สึกไม่สบายใจต่อปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว และยืนยันว่าตนทำงานตามหน้าที่ และไม่ได้ท้าทายฝ่ายการเมือง แต่ตราบใดที่ยังต้องมีหน้าที่อยู่ก็จะทำหน้าที่ต่อไป ซึ่งไม่ได้รู้สึกท้อแท้หรือหวาดกลัวต่อคำขู่ หรือคำวิจารณ์ อย่างไรก็ตาม ตนอยากเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอคนอื่นๆ ด้วย
“ถือเป็นการวิพากษ์ที่รุนแรงว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง รับออเดอร์จากนายสุเทพ และเป็นคนบริกรรมคาถา ผมเป็นผู้ปฏิบัติหรือเป็นลูกกรอก มันไม่ถูกต้อง ยืนยันว่าไม่เคยรับออเดอร์จากฝ่ายการเมืองหรือรัฐบาลปัจจุบัน เราทำตามหน้าที่ ซึ่งคงไม่ฟ้องร้องดำเนินคดี แต่ถ้ามีการก้าวล่วงหรือละเมิดมากไปกว่านี้ ผมอาจจะพิจารณาดำเนินการทางกฎหมายก็ได้” นายธาริตกล่าว
