ชาวบ้านชุมชน 200 ห้อง ในซอยสมเด็จพระเจ้าตากสิน 22 โวยคอนโดฯ หรูสร้างกำแพงล้ำที่สาธารณะ หวั่นเข้าออกลำบาก เกรงซ้ำรอยเดิมที่เคยเกิดเพลิงไหม้ในซอยแล้วรถดับเพลิงเข้าออกยาก ขณะที่ตำรวจเผยจะมีการเจรจาร่วมกัน 2 ฝ่ายอีกครั้ง เชื่อจะจบลงด้วยดี
วันนี้ (21 พ.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่าชาวบ้านชุมชน 200 ห้อง ในซอยสมเด็จพระเจ้าตากสิน 22 แขวงตลาดพลู เขตธนบุรี ได้รวมตัวกันประท้วงคัดค้านการสร้างรั้วกำแพงของโครงการสร้างคอนโดมิเนียมเดอะรูม สาทร-ตากสิน ของบริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ เนื่องจากเป็นเหตุให้รถยนต์ที่จะเข้าออกภายในซอยไม่สามารถออกได้สะดวก จึงเดินทางไปตรวจสอบ
เมื่อไปถึงก็พบกลุ่มชาวบ้านจำนวนประมาณ 300 คนกำลังรวมตัวถือป้ายผ้าคัดค้านการสร้างรั้วกำแพง และใช้เครื่องขยายเสียงขนาดเล็กกล่าวโจมตีบริษัทผู้สร้างคอนโดฯ อยู่บริเวณสุดซอยดังกล่าวซึ่งสามารถทะลุไปยังถนนราชพฤกษ์ฝั่งขาออก โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ตลาดพลู จำนวนกว่า 20 นายคอยเฝ้าระวังความปลอดภัย
จากการสอบถามนางวุฒิยา เพ็ญศรี อายุ 49 ปี ชาวบ้านชุมนุม 200 ห้อง เปิดเผยว่า ก่อนหน้าที่ทางบริษัทดังกล่าวจะเข้ามาซื้อที่เพื่อทำคอนโดมิเนียม ก็ได้ขอเปิดเวทีหารือกับประชาชนที่อาศัยอยู่ภายในซอย โดยทางตัวแทนผู้สร้างคอนโดฯ ได้ถามว่าชาวบ้านต้องการอะไรจากบริษัทบ้าง ในตอนนั้นกลุ่มชาวบ้านได้ขอเพียงแค่อย่าให้ทางคอนโดฯ สร้างล้ำเข้ามาในกำแพงปูนเท่านั้นเอง และตลอดเวลาที่ทางคอนโดฯ กำลังสร้างอยู่นั้นชาวบ้านก็ไม่ได้ไปร้องเรียนหรือวุ่นวายอะไรทั้งนั้น
นางวุฒิยากล่าวต่อว่า หลังจากที่คอนโดฯ เริ่มสร้างเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาก็ไม่ยอมทำตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากได้สร้างกำแพงขึ้นมาใหม่ล้ำเข้ามาในถนนทำให้รถเข้าออกไม่สะดวก จากเดิมที่รถขับสวนกันก็ลำบากมากอยู่แล้ว พอสร้างกำแพงขึ้นมาใหม่ก็ทำให้ไม่สามารถวิ่งสวนกันได้เลย ซึ่งตนเคยขอความร่วมมือจากรถดับเพลิงให้ลองวิ่งมาเข้าดู ก็พบว่ารถเคลื่อนตัวได้ลำบากมาก ที่ต้องทำอย่างนี้ก็เพราะว่าชุมนุม 200 ห้องนี้เป็นชุมชนใหญ่ที่เคยเกิดเหตุไฟไหม้มาแล้วจึงไม่อยากให้ประวัติซ้ำรอย เพราะถ้าเกิดเหตุเพลิงไหม้บริเวณกลางซอยแล้วรถดับเพลิงส่วนหนึ่งเข้ามาจากหน้าปากซอย อีกส่วนเข้ามาจากท้ายซอยเพื่อจะดับเพลิงก็จะทำให้ชาวบ้านเคลื่อนย้ายสิ่งของไม่สะดวก
ด้าน นางรำไพ เชาวน์นัย อายุ 60 ปี ผู้เชี่ยวชาญสำนักงานอัยการคดีศาลแขวงกรุงเทพใต้ กล่าวว่า ก่อนหน้าที่จะมีการสร้างอาคารชุดคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นพื้นที่ดังกล่าวเป็นบ้านของประชาชน และโฉนดที่ดินของเจ้าของเดิมก็ล้ำออกมานอกกำแพงปูน แต่เจ้าของเดิมนั้นได้ยอมสร้างกำแพงบนพื้นที่ตัวทั้งนี้ก็เพื่อบริจาคที่ให้เป็นถนนสาธารณะมากว่า 20 ปีแล้ว ซึ่งหมายความว่าที่ดังกล่าวได้กลายเป็นที่สาธารณประโยชน์ไปแล้ว และเมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมาทางแลนแอนด์เฮ้าส์มาซื้อที่เพื่อเอาไปสร้างคอนโดฯ จึงไม่มีสิทธิในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งการกระทำของลักษณะนี้นั้นถือว่าเป็นการบุกรุกที่สาธารณประโยชน์ที่ประชาชนใช้ร่วมกัน ถือเป็นความผิดตามอาญามาตรา 365 ซึ่งยอมความไม่ได้ จากนั้นทางชาวบ้านยังให้โอกาสผู้สร้างคอนโดฯ เข้ามาพูดคุยกัน โดยจะยังไม่เข้าไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ต่อมาเวลา 10.00 น. พ.ต.อ.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบก.น.8 เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ โดยได้ร่วมเข้าพูดคุยกับตัวแทนทั้ง 2 ฝ่าย ก่อนเปิดเผยว่า หลังจากที่ได้ร่วมพูดคุยจึงทราบว่า การก่อสร้างแนวรั้วนั้นของทางคอนโดฯ ได้สร้างอยู่ในที่พื้นที่ของโฉนดตัวเอง ถึงแม้ว่าพื้นที่ที่เกิดข้อพิพาทกันนั้นจะเป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์ไปแล้วก็ตาม แต่ทางผู้สร้างนั้นจะขอใช้สิทธิ์นำพื้นที่บริเวณดังกล่าวกลับมาใช้ประโยชน์ จึงทำให้เกิดปัญหากัน
พ.ต.อ.ปิยะกล่าวต่อว่า ความจริงแล้วชาวบ้านในชุมชนได้มีการพูดคุยกับทางคอนโดฯมาแล้วหลายครั้ง และครั้งล่าสุดจะมีการนัดพูดคุยกันในวันจันทร์ที่ 23 พ.ค. แต่ทางคอนโดฯ มาสร้างรั้วกำแพงขึ้นมาก่อน จึงทำให้ชาวบ้านไม่พอใจและรวมตัวกันคัดด้านดังกล่าว ซึ่งการสร้างแนวรั้วของทางคอนโดฯ ที่ชาวบ้านเป็นห่วงก็คือเรื่องการเข้าออกที่ไม่สะดวก และรถดับเพลิงก็ไม่สามารถเข้าออกได้จึงเกรงว่าหากเกิดไฟไหม้ขึ้นมาก็จะลำบาก โดยตนคิดว่าจากนี้คงจะมีการนัดเจรจากันอีกครั้งซึ่งเรื่องนี้น่าจะมีการตกลง และจบลงด้วยดีทั้ง 2 ฝ่าย
วันนี้ (21 พ.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่าชาวบ้านชุมชน 200 ห้อง ในซอยสมเด็จพระเจ้าตากสิน 22 แขวงตลาดพลู เขตธนบุรี ได้รวมตัวกันประท้วงคัดค้านการสร้างรั้วกำแพงของโครงการสร้างคอนโดมิเนียมเดอะรูม สาทร-ตากสิน ของบริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ เนื่องจากเป็นเหตุให้รถยนต์ที่จะเข้าออกภายในซอยไม่สามารถออกได้สะดวก จึงเดินทางไปตรวจสอบ
เมื่อไปถึงก็พบกลุ่มชาวบ้านจำนวนประมาณ 300 คนกำลังรวมตัวถือป้ายผ้าคัดค้านการสร้างรั้วกำแพง และใช้เครื่องขยายเสียงขนาดเล็กกล่าวโจมตีบริษัทผู้สร้างคอนโดฯ อยู่บริเวณสุดซอยดังกล่าวซึ่งสามารถทะลุไปยังถนนราชพฤกษ์ฝั่งขาออก โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ตลาดพลู จำนวนกว่า 20 นายคอยเฝ้าระวังความปลอดภัย
จากการสอบถามนางวุฒิยา เพ็ญศรี อายุ 49 ปี ชาวบ้านชุมนุม 200 ห้อง เปิดเผยว่า ก่อนหน้าที่ทางบริษัทดังกล่าวจะเข้ามาซื้อที่เพื่อทำคอนโดมิเนียม ก็ได้ขอเปิดเวทีหารือกับประชาชนที่อาศัยอยู่ภายในซอย โดยทางตัวแทนผู้สร้างคอนโดฯ ได้ถามว่าชาวบ้านต้องการอะไรจากบริษัทบ้าง ในตอนนั้นกลุ่มชาวบ้านได้ขอเพียงแค่อย่าให้ทางคอนโดฯ สร้างล้ำเข้ามาในกำแพงปูนเท่านั้นเอง และตลอดเวลาที่ทางคอนโดฯ กำลังสร้างอยู่นั้นชาวบ้านก็ไม่ได้ไปร้องเรียนหรือวุ่นวายอะไรทั้งนั้น
นางวุฒิยากล่าวต่อว่า หลังจากที่คอนโดฯ เริ่มสร้างเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาก็ไม่ยอมทำตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากได้สร้างกำแพงขึ้นมาใหม่ล้ำเข้ามาในถนนทำให้รถเข้าออกไม่สะดวก จากเดิมที่รถขับสวนกันก็ลำบากมากอยู่แล้ว พอสร้างกำแพงขึ้นมาใหม่ก็ทำให้ไม่สามารถวิ่งสวนกันได้เลย ซึ่งตนเคยขอความร่วมมือจากรถดับเพลิงให้ลองวิ่งมาเข้าดู ก็พบว่ารถเคลื่อนตัวได้ลำบากมาก ที่ต้องทำอย่างนี้ก็เพราะว่าชุมนุม 200 ห้องนี้เป็นชุมชนใหญ่ที่เคยเกิดเหตุไฟไหม้มาแล้วจึงไม่อยากให้ประวัติซ้ำรอย เพราะถ้าเกิดเหตุเพลิงไหม้บริเวณกลางซอยแล้วรถดับเพลิงส่วนหนึ่งเข้ามาจากหน้าปากซอย อีกส่วนเข้ามาจากท้ายซอยเพื่อจะดับเพลิงก็จะทำให้ชาวบ้านเคลื่อนย้ายสิ่งของไม่สะดวก
ด้าน นางรำไพ เชาวน์นัย อายุ 60 ปี ผู้เชี่ยวชาญสำนักงานอัยการคดีศาลแขวงกรุงเทพใต้ กล่าวว่า ก่อนหน้าที่จะมีการสร้างอาคารชุดคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นพื้นที่ดังกล่าวเป็นบ้านของประชาชน และโฉนดที่ดินของเจ้าของเดิมก็ล้ำออกมานอกกำแพงปูน แต่เจ้าของเดิมนั้นได้ยอมสร้างกำแพงบนพื้นที่ตัวทั้งนี้ก็เพื่อบริจาคที่ให้เป็นถนนสาธารณะมากว่า 20 ปีแล้ว ซึ่งหมายความว่าที่ดังกล่าวได้กลายเป็นที่สาธารณประโยชน์ไปแล้ว และเมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมาทางแลนแอนด์เฮ้าส์มาซื้อที่เพื่อเอาไปสร้างคอนโดฯ จึงไม่มีสิทธิในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งการกระทำของลักษณะนี้นั้นถือว่าเป็นการบุกรุกที่สาธารณประโยชน์ที่ประชาชนใช้ร่วมกัน ถือเป็นความผิดตามอาญามาตรา 365 ซึ่งยอมความไม่ได้ จากนั้นทางชาวบ้านยังให้โอกาสผู้สร้างคอนโดฯ เข้ามาพูดคุยกัน โดยจะยังไม่เข้าไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ต่อมาเวลา 10.00 น. พ.ต.อ.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบก.น.8 เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ โดยได้ร่วมเข้าพูดคุยกับตัวแทนทั้ง 2 ฝ่าย ก่อนเปิดเผยว่า หลังจากที่ได้ร่วมพูดคุยจึงทราบว่า การก่อสร้างแนวรั้วนั้นของทางคอนโดฯ ได้สร้างอยู่ในที่พื้นที่ของโฉนดตัวเอง ถึงแม้ว่าพื้นที่ที่เกิดข้อพิพาทกันนั้นจะเป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์ไปแล้วก็ตาม แต่ทางผู้สร้างนั้นจะขอใช้สิทธิ์นำพื้นที่บริเวณดังกล่าวกลับมาใช้ประโยชน์ จึงทำให้เกิดปัญหากัน
พ.ต.อ.ปิยะกล่าวต่อว่า ความจริงแล้วชาวบ้านในชุมชนได้มีการพูดคุยกับทางคอนโดฯมาแล้วหลายครั้ง และครั้งล่าสุดจะมีการนัดพูดคุยกันในวันจันทร์ที่ 23 พ.ค. แต่ทางคอนโดฯ มาสร้างรั้วกำแพงขึ้นมาก่อน จึงทำให้ชาวบ้านไม่พอใจและรวมตัวกันคัดด้านดังกล่าว ซึ่งการสร้างแนวรั้วของทางคอนโดฯ ที่ชาวบ้านเป็นห่วงก็คือเรื่องการเข้าออกที่ไม่สะดวก และรถดับเพลิงก็ไม่สามารถเข้าออกได้จึงเกรงว่าหากเกิดไฟไหม้ขึ้นมาก็จะลำบาก โดยตนคิดว่าจากนี้คงจะมีการนัดเจรจากันอีกครั้งซึ่งเรื่องนี้น่าจะมีการตกลง และจบลงด้วยดีทั้ง 2 ฝ่าย