ผบ.ตร.แถลงโชว์จับหนุ่มใหญ่เผ่ามูเซอมือยิง “ผกก.ไทรงาม” ก่อนหลบหนีออกนอกประเทศ เตรียมออกหมายจับเพื่อนร่วมแก๊งฆ่าเพิ่ม เจ้าตัวรับสารภาพเพิ่งรับงานฆ่าคนไทยครั้งแรก ขณะที่ “ภาณุพงศ์” เผยเป็นนักรบมูเซอดำ ยิงมูเซอด้วยกันมาเยอะแล้ว ชี้ปมสังหารขัดประโยชน์สร้างเขื่อนในนครสวรรค์ ยังไม่ชี้ชัดมีนักการเมืองท้องถิ่นเอี่ยวด้วย บอกใบ้แค่คนนครสรรค์รู้จักดี
วันนี้ (21 พ.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รองผบ.ตร. พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษก ตร. แถลงการจับกุมนายสิมู จะหย่อ ชาวเผ่ามูเซอ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50/2 ม.82 ต.สบป่อง อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา เลขที่ 781/2554 ในความผิดข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และไตร่ตรองไว้ก่อน หลังจากก่อเหตุยิง พ.ต.อ.เกริกฤทธิ์ นิยมเสริม อดีต ผกก.สภ.ไทรงาม จ.กำแพงเพชร เสียชีวิตที่หน้าบ้านพักใน จ.นครสวรรค์ เมื่อวันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา
โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวได้ที่ปั๊มน้ำมันบางจากริมถนนสายเชียงใหม่-ฝาง ขณะกำลังเตรียมจะเดินทางออกนอกประเทศ พร้อมของกลางอาวุธปืนพกสั้น รีวอลเวอร์ ขนาด.357 ยี่ห้อสมิทแอนด์เวสสัน พร้อมกระสุนขนาด .38 จำนวน 17 นัด โทรศัพท์มือถือจำนวน 2 เครื่อง หมวกแก๊ป กระเป๋าคาดเอว รองเผ้าผ้าใบ
พล.ต.อ.ภาณุพงศ์เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนจนพบว่าคดีนี้เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นใน จ.อุทัยธานี มีการจ้างวานเป็นขบวนการใหญ่ จึงโอนคดีให้ บก.ป. เป็นเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนจนสามารถขออนุมัติศาลออกหมายจับมือปืนซึ่งเป็นชายขาเป๋ที่พบในกล้องวงจรปิด กับนายนิรันดร์ หรือหมู พึ่งสำเภา ผู้จ้างวานและจัดหาอาวุธปืนให้นายสิมู นอกจากนี้นายนิรันดร์ ยังว่าจ้างนายต่าย ไม่ทราบชื่อจริง-นามสกุล เป็นผู้ขี่รถจยย.เฝ้าติดตาม พ.ต.อ.เกริกฤทธิ์ มานานกว่า 20 วัน จนสบโอกาสจึงลงมือสังหาร และหลังก่อเหตุทั้งสองคนได้หลบหนีการจับกุมไปทันที โดยนายต่ายได้พานายสิมูขึ้นรถไฟหลบหนีไปกบดานที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งตำรวจเตรียมรวบรวมพยานหลักฐานจับกุมนายต่ายต่อไป
พล.ต.อ.ภาณุพงศ์กล่าวอีกว่า สำหรับสาเหตุในการลงมือสังหารนั้น มาจากเรื่องการประมูลงานก่อสร้างเขื่อนใน จ.นครสวรรค์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลในจ.อุทัยธานี ที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับงานประมูลครั้งนี้ ส่วนจะเป็นนักการเมืองท้องถิ่นหรือไม่นั้น ขอระบุแค่ว่า ทำหลายอาชีพ แต่เชื่อว่าคนในจังหวัดจะรู้ดีว่าเป็นใคร ทางตำรวจขอให้มีพยานหลักฐานและออกหมายจับได้ก่อน จึงจะสามารถระบุได้
จากการสอบสวนนายสิมูให้การรับสารภาพว่า ตนเพิ่งรับงานยิงคนไทยเป็นครั้งแรก โดยนายต่ายเป็นผู้ติดต่อมาหางานให้ ซึ่งตนก็ไม่ทราบมาก่อนว่าเป้าหมายเป็นตำรวจ โดยนายต่ายไปรับค่าจ้างมา 100,000 บาท และให้เงินสดมาก่อน 60,000 บาท โดยหลังจากก่อเหตุแล้วก็แยกทางกันไม่สามารถติดต่อนายต่ายได้อีกเลย ส่วนเรื่องขาเป๋นั้น ตนไม่ได้ขาเป๋แต่อย่างใด แต่เป็นท่าทางการเดินของตนที่ต้องเดินขึ้นเขาด้วยเท้า
พล.ต.อ.ภาณุพงษ์กล่าวด้วยว่า สำหรับนายสิมูนั้นเคยเป็นนักรบมูเซอดำ มีหน้าที่ปกป้องหมู่บ้าน และเคยยิงชาวมูเซอด้วยกันมาแล้ว ซึ่งครั้งนี้เพิ่งรับงานยิงคนไทยเป็นครั้งแรก ทำให้เจ้าหน้าที่ทราบข้อมูลว่า ขณะนี้กลุ่มผู้มีอิทธิพลเริ่มหันมาจ้างวานชนกลุ่มน้อยเป็นมือปืนมากขึ้น โดยทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องจับตาและให้ความสำคัญกับมือปืนกลุ่มนี้ด้วย เนื่องจากอยู่ช่วงการเลือกตั้ง
วันนี้ (21 พ.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รองผบ.ตร. พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษก ตร. แถลงการจับกุมนายสิมู จะหย่อ ชาวเผ่ามูเซอ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50/2 ม.82 ต.สบป่อง อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา เลขที่ 781/2554 ในความผิดข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และไตร่ตรองไว้ก่อน หลังจากก่อเหตุยิง พ.ต.อ.เกริกฤทธิ์ นิยมเสริม อดีต ผกก.สภ.ไทรงาม จ.กำแพงเพชร เสียชีวิตที่หน้าบ้านพักใน จ.นครสวรรค์ เมื่อวันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา
โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวได้ที่ปั๊มน้ำมันบางจากริมถนนสายเชียงใหม่-ฝาง ขณะกำลังเตรียมจะเดินทางออกนอกประเทศ พร้อมของกลางอาวุธปืนพกสั้น รีวอลเวอร์ ขนาด.357 ยี่ห้อสมิทแอนด์เวสสัน พร้อมกระสุนขนาด .38 จำนวน 17 นัด โทรศัพท์มือถือจำนวน 2 เครื่อง หมวกแก๊ป กระเป๋าคาดเอว รองเผ้าผ้าใบ
พล.ต.อ.ภาณุพงศ์เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนจนพบว่าคดีนี้เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นใน จ.อุทัยธานี มีการจ้างวานเป็นขบวนการใหญ่ จึงโอนคดีให้ บก.ป. เป็นเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนจนสามารถขออนุมัติศาลออกหมายจับมือปืนซึ่งเป็นชายขาเป๋ที่พบในกล้องวงจรปิด กับนายนิรันดร์ หรือหมู พึ่งสำเภา ผู้จ้างวานและจัดหาอาวุธปืนให้นายสิมู นอกจากนี้นายนิรันดร์ ยังว่าจ้างนายต่าย ไม่ทราบชื่อจริง-นามสกุล เป็นผู้ขี่รถจยย.เฝ้าติดตาม พ.ต.อ.เกริกฤทธิ์ มานานกว่า 20 วัน จนสบโอกาสจึงลงมือสังหาร และหลังก่อเหตุทั้งสองคนได้หลบหนีการจับกุมไปทันที โดยนายต่ายได้พานายสิมูขึ้นรถไฟหลบหนีไปกบดานที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งตำรวจเตรียมรวบรวมพยานหลักฐานจับกุมนายต่ายต่อไป
พล.ต.อ.ภาณุพงศ์กล่าวอีกว่า สำหรับสาเหตุในการลงมือสังหารนั้น มาจากเรื่องการประมูลงานก่อสร้างเขื่อนใน จ.นครสวรรค์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลในจ.อุทัยธานี ที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับงานประมูลครั้งนี้ ส่วนจะเป็นนักการเมืองท้องถิ่นหรือไม่นั้น ขอระบุแค่ว่า ทำหลายอาชีพ แต่เชื่อว่าคนในจังหวัดจะรู้ดีว่าเป็นใคร ทางตำรวจขอให้มีพยานหลักฐานและออกหมายจับได้ก่อน จึงจะสามารถระบุได้
จากการสอบสวนนายสิมูให้การรับสารภาพว่า ตนเพิ่งรับงานยิงคนไทยเป็นครั้งแรก โดยนายต่ายเป็นผู้ติดต่อมาหางานให้ ซึ่งตนก็ไม่ทราบมาก่อนว่าเป้าหมายเป็นตำรวจ โดยนายต่ายไปรับค่าจ้างมา 100,000 บาท และให้เงินสดมาก่อน 60,000 บาท โดยหลังจากก่อเหตุแล้วก็แยกทางกันไม่สามารถติดต่อนายต่ายได้อีกเลย ส่วนเรื่องขาเป๋นั้น ตนไม่ได้ขาเป๋แต่อย่างใด แต่เป็นท่าทางการเดินของตนที่ต้องเดินขึ้นเขาด้วยเท้า
พล.ต.อ.ภาณุพงษ์กล่าวด้วยว่า สำหรับนายสิมูนั้นเคยเป็นนักรบมูเซอดำ มีหน้าที่ปกป้องหมู่บ้าน และเคยยิงชาวมูเซอด้วยกันมาแล้ว ซึ่งครั้งนี้เพิ่งรับงานยิงคนไทยเป็นครั้งแรก ทำให้เจ้าหน้าที่ทราบข้อมูลว่า ขณะนี้กลุ่มผู้มีอิทธิพลเริ่มหันมาจ้างวานชนกลุ่มน้อยเป็นมือปืนมากขึ้น โดยทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องจับตาและให้ความสำคัญกับมือปืนกลุ่มนี้ด้วย เนื่องจากอยู่ช่วงการเลือกตั้ง