ศบร.คุมเข้มศึกเลือกตั้ง เปิดบัญชี 50 มือปืนรับจ้าง มี จ.ส.ต.ปัญญา ศรีเหรา และ ส.อ.สมชาย บุนนาค 2 มือปืนที่ลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล อยู่ในบัญชี เดินหน้าติดตามจับกุม พร้อมตั้งรางวัลนำจับรายละ 100,000 บาท เชื่อจะควบคุมสถานการณ์การเลือกตั้งให้อยู่ในสภาวะปกติและสงบได้
วันนี้ (14 พ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รอง ผบ.ตร.กล่าวสรุปสถานการณ์ในภาพรวมเรื่องกลุ่มบุคคลที่จะเข้ามาก่อเหตุความรุนแรงต่างๆ หลังจากเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.ได้ตั้งศูนย์บริหารและปฏิบัติการเกี่ยวกับเหตุการณ์ร้ายแรง หรือ ศบร. มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ศูนย์นี้เข้าควบคุมบริหารเหตุการณ์ร้ายแรงต่างๆ ทั้งเรื่องการขัดแย้งทางการเมืองและมีการใช้อาวุธสงคราม หลังจากมีการประกาศยุบสภาฯ รูปแบบการใช้ความรุนแรงแนวคิดทางการเมืองก็เปลี่ยนแปลงไป เกิดการแข่งขันของผู้สมัครมีการขัดแย้งกันบางพื้นที่ โดยเริ่มมาจากเหตุการณ์ที่ จ.สมุทรปราการ
พล.ต.อ.ภาณุพงศ์กล่าวต่อว่า จากเหตุการณ์ต่างๆ สำนักงานตำรวจแห่งชาติประเมินสถานการณ์ได้ว่า แนวโน้มความรุนแรงในช่วงเวลานี้เกิดจากการขัดแย้งของตัวผู้สมัคร เพราะบางพื้นที่มีการแข่งขันกันสูง ทาง ศบร.จึงเข้าควบคุมสถานการณ์ โดยเน้นการปฏิบัติงานในเชิงรุก ทั้งตัวสาเหตุและตัวผู้ปฏิบัติการณ์ คือผู้กระทำผิดทั้งในส่วนของมือปืนและผู้สนับสนุน หรือต้นตอของความขัดแย้ง โดยใช้ ศบร.เป็นตัวขับเคลื่อน พื้นที่ใดมีความขัดแย้งก็จะให้ตำรวจภูธรภาคหรือตำรวจภูธรจังหวัดลงไปยุติปัญหาความขัดแย้ง โดยจะเรียกคู่กรณีมาพูดทำความเข้าใจเพื่อไม่ให้เกิดการใช้ความรุนแรง และมีการปฏิบัติการเชิงรุกกับบุคคลที่ถูกขึ้นบัญชีเป็นมือปืนรับจ้างและมีหมายจับ รวมไปถึงผู้สนับสนุนและพวกดาวรุ่ง โดยจะเข้าตรวจค้นในทุกรูปแบบเพื่อไม่ให้บุคคลเหล่านี้เข้ามากระทำผิด
พล.ต.อ.ภาณุพงศ์กล่าวต่อว่า จากการสรุปในภาพรวมบุคคลที่ถูกขึ้นบัญชีมีทั้งหมด 112 ราย โดยบัญชีมือปืนทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เริ่มทำมาตั้งแต่ปี 48 สามารถจับกุมได้ 24 คน ปี 49 จับกุมได้ 18 คน ปี 50 จับกุมได้ 7 คน ส่วนชุดปี 54 ทาง บช.ก.และ บก.ป.ได้จัดทำและรวบรวมข้อมูลจากส่วนต่างๆ ออกมาได้อีก 50 คน จับกุมได้แล้ว 6 คน และเสียชีวิต 1 คน โดยในจำนวนนี้มี จ.ส.ต.ปัญญา ศรีเหรา และ ส.อ.สมชาย บุนนาค 2 มือปืนที่ลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ อยู่ในบัญชีนี้ด้วย ส่วนพวกดาวรุ่งได้ขึ้นบัญชีไว้ 126 คน สามารถจับกุมได้ 24 คน โดยจัดเป็นบุคคลเป้าหมายระดับ 2
พล.ต.อ.ภาณุพงศ์กล่าวด้วยว่า ทาง ผบ.ตร.ให้ดำเนินการจับกุมบุคคลคนเหล่านี้มาดำเนินการทางกฎหมายโดยเร็ว จึงมีการตั้งรางวัลนำจับรายละ 100,000 บาท โดยจะนำข้อมูลบุคคลเหล่านี้แจกจ่ายไปทั่วประเทศ และจะพยายามตรวจค้นกดดันในทุกรูปแบบ หากจับกุมไม่ได้ก็ห้ามบุคคลเหล่านี้ออกมากระทำผิด ทางตำรวจจะไม่รอให้เหตุเกิดก่อนแล้วค่อยดำเนินการ อย่างไรก็ตาม เรื่องการเมืองมีการแข่งกันได้ ขัดแย้งกันได้ แต่ห้ามใช้ความรุนแรงโดยเด็ดขาด รูปแบบการทำงานในลักษณะนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความเชื่อมั่นว่าจะควบคุมสถานการณ์การเลือกตั้งให้อยู่ในสภาวะปกติและสงบที่สุด