ตร.วัดพระยาไกร ตามรวบโชเฟอร์แท็กซี่ในคราบโจร ก่อเหตุบีบคอผู้โดยสารสาวแล้วชิงเอาเงินสด-มือถือ-กระเป๋าหลุยส์ ขณะเหยื่อโดยสารมากับรถแล้วเผลอหลับ ก่อนไล่ลงจากรถแล้วขับหนี เจ้าตัวอ้างเอาเงินไปเพียง 700 บาท ส่วนทรัพย์สินอื่นไม่ได้สนใจและโยนทิ้งไว้ข้างทาง ขณะที่ผู้เสียหาย เผย เรียกบริการใช้แท็กซี่ประจำไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ และไม่คิดว่าโชเฟอร์แท็กซี่จะเลวไปทุกคน เพราะหลังเกิดเหตุมีแท็กซี่พลเมืองดีพามาแจ้งความ
วันนี้ (10 พ.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่ สน.วัดพระยาไกร พ.ต.อ.เกียรติณรงค์ เฉลิมสุข ผกก.สน.วัดพระยาไกร พ.ต.ท.บุญญฤทธิ์ ไทมโนธรรม สว.สส.สน.วัดพระยาไกร ร.ต.อ.ขวัญชัย แป้นมณฑา รอง สว.สส.สน.วัดพระยาไกร พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.วัดพระยาไกร ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายต้อม หรือแฝด เสือสิงห์ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 67/172 หมู่ 10 ต.บางแม่นาง อ.บางแม่นาง จ.นนทบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ จ.256/2554 ลงวันที่ 9 พ.ค.54 ในข้อหาชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยาพาหนะเพื่อกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม พร้อมของกลางรถแท็กซี่ยี่ห้อโตโยต้า อัลติส สีชมพู หมายเลขทะเบียน ทว-8071 กทม. สร้อยคอทองคำขาวจำนวน 1 เส้น โทรศัพท์มือถือจำนวน 5 เครื่อง
พ.ต.อ.เกียรติณรงค์ เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 02.30 น.ของวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา น.ส.กมลชนก กุหลาบหอม อายุ 34 ปี ผู้เสียหาย ได้โดยสารแท็กซี่สีชมพูไม่ทราบหมายเลขเลขทะเบียน จากบริเวณซอยทองหล่อ 16 เพื่อกลับบ้านพัก แต่ด้วยความเพลียจึงทำให้ผู้เสียหายหลับไป จากนั้นเมื่อรถวิ่งมาถึงบริเวณถนนเจริญราษฎร์ แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม ก็ถูกโชเฟอร์รถแท็กซี่คันดังกล่าวทำร้ายร่างกายและชิงกระเป๋าถือสตรียี่ห้อหลุยส์วิตอง ราคาใบละ 35,000 บาทไป โดยภายในกระเป๋ามีโทรศัพท์มือถือ เงินสดจำนวน 11,500 บาท สร้อยคอทองคำขาวพร้อมพระพิฆเนศ 1 เส้น พร้อมทั้งไล่ผู้เสียหายลงจากรถ
พ.ต.อ.เกียรติณรงค์ กล่าวต่อว่า ขณะเกิดเหตุได้มีพลเมืองดีจดจำหมายเลขทะเบียนรถแท็กซี่ที่ก่อเหตุเอาไว้ได้ว่าเป็นรถแท็กซี่ยี่ห้อโตโยต้า อัลติส สีชมพู หมายเลขทะเบียน ทว 8071 กทม.เจ้าหน้าที่จึงทำการสืบสวนจนทราบว่า นายต้อม เสือสิงห์ คือ โชเฟอร์รถแท็กซี่คันดังกล่าว จึงนำภาพของนายต้อม ไปให้ผู้เสียหายและพยานดู ก็ปรากฏว่า ทั้งสองยืนยันว่า นายต้อม เป็นคนร้ายที่ก่อเหตุชิงทรัพย์ เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนขออนุมัติออกหมายจับจากศาลอาญากรุงเทพใต้ ก่อนจะสามารถติดตามจับกุมตัวนายต้อม ได้ที่บ้านพักของผู้ต้องหา พร้อมรถแท็กซี่คันที่ใช้ก่อเหตุ และบัตรประจำตัวผู้ขับขี่รถแท็กซี่ ที่นายต้อม นำรูปตัวเองมาแปะไว้ที่บัตรของคนอื่น จากนั้นจึงควบคุมตัวมาสอบปากคำ พร้อมทั้งเชิญผู้เสียหายมาชี้ตัวยืนยัน
จากการสอบสวนนายต้อม ให้การรับสารภาพว่า ตนขับแท็กซี่มานาน 8 ปี แล้ว โดยวันเกิดเหตุฝนตกหนัก ทำให้ตนยังหาเงินค่ารถไม่ได้ จนกระทั่งผู้เสียหายขึ้นรถมาแล้วเกิดเผลอหลับไป ตนเลยตั้งใจจะชิงทรัพย์เพื่อหาเงินใช้ เมื่อรถวิ่งอยู่บริเวณจุดเกิดเหตุ ผู้เสียหายก็ตื่นขึ้นมาคุยโทรศัพท์ ตนจึงหันหลังไปคว้าโทรศัพท์มือถือมาทันที แต่ผู้เสียหายขัดขืนตนเลยบีบคอจนผู้เสียหายยอมปล่อย ก่อนจะกระชากระเป๋าถือมาด้วย จากนั้นก็เปิดประตูหลังไล่ผู้เสียหายลงจากรถไปแล้วรีบเร่งเครื่องหลบหนีไปทันที
นายต้อม ให้การต่อว่า หลังจากนั้น ตนก็ค้นกระเป๋าสตางค์ของผู้เสียหาย แล้วหยิบเงินสดแค่ 700 บาทไว้ ก่อนจะเอากระเป๋าสะพายไปโยนทิ้งข้างทาง โดยที่ไม่ได้สนใจทรัพย์สินอย่างอื่นในกระเป๋าถือแต่อย่างใด ซึ่งหากตนรู้ว่ากระเป๋าถือของผู้เสียหายมีราคาแพงขนาดนั้น ก็คงจะไม่โยนทิ้งแล้วเก็บไว้ให้ภรรยาใช้ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ยอมรับว่า เคยก่อเหตุมาแล้ว 1 ครั้ง ในท้องที่ของ สน.สายไหม ส่วนบัตรประจำตัวคนขับรถแท็กซี่ที่ตนนำรูปของตัวเองมาแปะไว้นั้นเป็นบัตรของโชเฟอร์คนเก่าที่เลิกขับแล้ว แต่ทิ้งไว้ไม่ได้เอาไปด้วย
ด้าน น.ส.กมลชนก กุหลาบหอม ผู้เสียหาย กล่าวว่า วันเกิดเหตุตนตนเรียกรถแท็กซี่ของคนร้ายจากบริเวณซอยทองหล่อ 16 เพื่อกลับบ้านพักย่านฝั่งธน แต่รู้สึกเพลียมากเลยเผลอหลับไป มารู้สึกตัวอีกทีก็ช่วงที่เพื่อนโทรศัพท์เข้ามาถามว่าอยู่ตรงไหนแล้ว แต่ตนไม่รู้ก็เลยถามโชเฟอร์เลยทำให้รู้ว่า อยู่ย่านพระรามที่ 3 ซึ่งหลังจากนั้นคนร้ายก็หันมากระชากโทรศัพท์มือถือไปเลย จากนั้นก็พยายามกระชากกระเป๋าถือไปอีกแต่ตนไม่ยอมพยายามยื้อเอาไว้ เลยถูกคนร้ายบีบคอและจับกดลงกับเบาะ จากนั้นก็เปิดกระตูผลักตนลงจากรถก่อนจะหลบหนีไป
น.ส.กมลชนก กล่าวด้วยว่า ปกติตนจะใช้บริการรถแท็กซี่เป็นประจำก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ ซึ่งตนก็ไม่คิดว่าโชเฟอร์แท็กซี่จะเลวไปทุกคน เพราะหลังเกิดเหตุก็มีแท็กซี่พลเมืองดีพาตนมาแจ้งความที่ สน.วัดพระยาไกร ด้วย