ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ยกฟ้องคดี “ประชัย” แฉ “ทักษิณ” แทรกแซงรัฐบาล - กกต.สั่งเลือกตั้ง 23 ธ.ค.50 ชี้ไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาท
วันนี้ (26 เม.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 909 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์ในคดีที่นายนิคม เชาว์กิตติโสภณ อดีตสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดอ่างทอง ทนายความรับมอบอำนาจจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ฟ้องนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 กรณีจำเลยให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวลงตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน และเว็บไซต์มติชนออนไลน์ เมื่อวันที่ 25 ก.ย.50 ทำนองโจทก์ซึ่งพำนักอยู่ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ใช้อำนาจสั่งการให้รัฐบาล และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในขณะนั้น กำหนดวันเลือกตั้งในวันที่ 23 ธ.ค.50 ทั้งที่โจทก์ไม่เคยแทรกแซงการทำงานของรัฐบาล และคณะกรรมการ กกต.ตามที่จำเลยกล่าวหา
โดยคดีนี้ ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องและมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 51 ว่า คำให้สัมภาษณ์ของจำเลยตามฟ้องยังไม่เข้าข่ายเป็นการหมิ่นประมาทกล่าวหาโจทก์ให้ได้รับความเสียหาย พิพากษายกฟ้อง ต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลรับฟ้องคดีไว้เพื่อมีคำพิพากษาต่อไป
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า ข้อความตามฟ้องของโจทก์ยังไม่เข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นประมาทฯ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้นชอบแล้ว ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย พิพากษายืน
วันนี้ (26 เม.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 909 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์ในคดีที่นายนิคม เชาว์กิตติโสภณ อดีตสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดอ่างทอง ทนายความรับมอบอำนาจจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ฟ้องนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 กรณีจำเลยให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวลงตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน และเว็บไซต์มติชนออนไลน์ เมื่อวันที่ 25 ก.ย.50 ทำนองโจทก์ซึ่งพำนักอยู่ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ใช้อำนาจสั่งการให้รัฐบาล และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในขณะนั้น กำหนดวันเลือกตั้งในวันที่ 23 ธ.ค.50 ทั้งที่โจทก์ไม่เคยแทรกแซงการทำงานของรัฐบาล และคณะกรรมการ กกต.ตามที่จำเลยกล่าวหา
โดยคดีนี้ ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องและมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 51 ว่า คำให้สัมภาษณ์ของจำเลยตามฟ้องยังไม่เข้าข่ายเป็นการหมิ่นประมาทกล่าวหาโจทก์ให้ได้รับความเสียหาย พิพากษายกฟ้อง ต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลรับฟ้องคดีไว้เพื่อมีคำพิพากษาต่อไป
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า ข้อความตามฟ้องของโจทก์ยังไม่เข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นประมาทฯ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้นชอบแล้ว ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย พิพากษายืน