โชเฟอร์สิบล้อแค้นเมียก่นด่าถึงโคตรเหง้า ฉุนขาดชักมีดแทงไม่ยั้งแล้วหลบหนีเข้ากรุง มารู้อีกทีเมียเสียชีวิตแล้ว สำนึกผิดเข้ามอบตัว บอกหากพ้นโทษจะกลับไปเลี้ยงลูกตามเดิม
วันนี้ (15 มี.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. ที่ กก.ดส.บช.น. นายชะลอ หรือจอย เอมสวัสดิ์ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 63 หมู่ 13 ต.หนองปลาไหล อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพิษณุโลก ที่ 69/2554 ลงวันที่ 11 มี.ค.54 ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เดินทางเข้ามอบตัวกับ พ.ต.ท.ปิยวุฒิ แก้วมณี สว.งานสืบสวนตรวจตราและควบคุม กก.ดส.บช.น. โดยมี พ.ต.อ.สุพัชร พึ่งพวง ผกก.ดส.บช.น. พ.ต.ท.สุทิน สวนดอกไม้ รอง ผกก.ดส.บช.น. พ.ต.ท.สำเริง ส่งเสียง รอง ผกก.ดส.บช.น. ร่วมทำการสอบปากคำ
พ.ต.อ.สุพัชร เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 22.30 น.ของวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา นายชะลอ ได้ก่อเหตุใช้อาวุธมีดแทง น.ส.มาลัย เถื่อนมา อายุ 46 ปี ภรรยาของตัวเองจนเสียชีวิตที่บริเวณริมถนนสายไทรย้อย หมู่ที่ 8 ต.ไทรย้อย อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ก่อนจะหลบหนีไป และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ไทรย้อย ขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดพิษณุโลกเอาไว้ ต่อมานายชะลอได้หลบหนีเข้ามาอยู่ที่ กทม.ก่อนจะตัดสินใจติดต่อขอเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ดส.บช.น. เนื่องจากมีญาติเป็นตำรวจทำงานอยู่ที่นี่ เพื่อขอรับโทษ
จากการสอบสวนนายชะลอให้การรับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้ตนอยู่กินกับภรรยาคนเก่าจนมีลูกด้วย 3 คน แต่หลังจากนั้นภรรยาเก่าเสียชีวิตไปทำให้ต้องเลี้ยงลูกลำพังคนเดียว จนกระทั่งเมื่อ 4 ปีก่อนได้มาคบหาอยู่กินกับ น.ส.มาลัย โดยตนทำงานรับจ้างขับรถเกี่ยวข้าว และขับรถสิบล้อบรรทุกดิน ส่วน น.ส.มาลัยทำงานรับจ้างเฝ้าสวนมะม่วง ซึ่งตลอดเวลาที่อยู่กินด้วยกันมาไม่เคยมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกัน
นายชะลอให้การต่อว่า เมื่อช่วงปลายเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ตนกับ น.ส.มาลัยก็เริ่มมีปัญหากัน จนถูกฝ่ายหญิงไล่ออกจากบ้าน ซึ่งเมื่อถามเหตุผลก็ได้รับคำตอบว่า ไม่ต้องการอยู่กินกับตนแล้ว ต้องการจะมีสามีใหม่ ตนจึงย้ายออกมาพักอยู่ข้างนอก แต่ก็ยังกลับไปที่บ้านของภรรยาอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากเป็นห่วงไก่ชนที่เลี้ยงไว้กว่า 20 ตัว จนกระทั่งคืนวันเกิดเหตุ ขณะที่ตนกำลังขี่จักรยานยนต์เพื่อกลับไปดูแลไก่ชนที่บ้าน ก็พบ น.ส.มาลัย ขี่จักรยานยนต์อยู่กับเพื่อนผู้หญิงที่บริเวณจุดเกิดเหตุ ตนเลยขึ้นไปประกบขอคุยคืนดีกับ น.ส.มาลัย แต่ น.ส.มาลัย ไม่ยอมคุยด้วย เลยคว้าแฮนด์รถของ น.ส.มาลัยไว้เพื่อจะให้หยุดคุยกันทำให้จักรยานยนต์เสียหลักล้มไป
“พอเขาลุกขึ้นมาได้ก็ด่าผมไปจนถึงโคตรเหง้าด้วยถ้อยคำหยาบคาย ด้วยความโมโหเลยชักมีดพกแทงใส่เขาไปหลายครั้ง แต่จำไม่ได้ว่าแทงไปกี่ครั้ง ก่อนจะหนีไปกลางทุ่ง แล้วเข้ามาที่ กทม.โดยตั้งใจจะมาหาญาติ และได้มารู้ภายหลังว่าเขาเสียชีวิตแล้ว ก็เลยรู้สึกสำนึกผิด ตัดสินใจเข้ามามอบตัวที่ กก.ดส.บช.น.เพราะมีญาติทำงานอยู่ที่นี่ โดยตั้งใจหลังพ้นโทษออกมาแล้วจะได้กลับไปดูแลเลี้ยงลูกของผม” นายชะลอให้การ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ไทรย้อย ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
วันนี้ (15 มี.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. ที่ กก.ดส.บช.น. นายชะลอ หรือจอย เอมสวัสดิ์ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 63 หมู่ 13 ต.หนองปลาไหล อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพิษณุโลก ที่ 69/2554 ลงวันที่ 11 มี.ค.54 ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เดินทางเข้ามอบตัวกับ พ.ต.ท.ปิยวุฒิ แก้วมณี สว.งานสืบสวนตรวจตราและควบคุม กก.ดส.บช.น. โดยมี พ.ต.อ.สุพัชร พึ่งพวง ผกก.ดส.บช.น. พ.ต.ท.สุทิน สวนดอกไม้ รอง ผกก.ดส.บช.น. พ.ต.ท.สำเริง ส่งเสียง รอง ผกก.ดส.บช.น. ร่วมทำการสอบปากคำ
พ.ต.อ.สุพัชร เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 22.30 น.ของวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา นายชะลอ ได้ก่อเหตุใช้อาวุธมีดแทง น.ส.มาลัย เถื่อนมา อายุ 46 ปี ภรรยาของตัวเองจนเสียชีวิตที่บริเวณริมถนนสายไทรย้อย หมู่ที่ 8 ต.ไทรย้อย อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ก่อนจะหลบหนีไป และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ไทรย้อย ขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดพิษณุโลกเอาไว้ ต่อมานายชะลอได้หลบหนีเข้ามาอยู่ที่ กทม.ก่อนจะตัดสินใจติดต่อขอเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ดส.บช.น. เนื่องจากมีญาติเป็นตำรวจทำงานอยู่ที่นี่ เพื่อขอรับโทษ
จากการสอบสวนนายชะลอให้การรับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้ตนอยู่กินกับภรรยาคนเก่าจนมีลูกด้วย 3 คน แต่หลังจากนั้นภรรยาเก่าเสียชีวิตไปทำให้ต้องเลี้ยงลูกลำพังคนเดียว จนกระทั่งเมื่อ 4 ปีก่อนได้มาคบหาอยู่กินกับ น.ส.มาลัย โดยตนทำงานรับจ้างขับรถเกี่ยวข้าว และขับรถสิบล้อบรรทุกดิน ส่วน น.ส.มาลัยทำงานรับจ้างเฝ้าสวนมะม่วง ซึ่งตลอดเวลาที่อยู่กินด้วยกันมาไม่เคยมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกัน
นายชะลอให้การต่อว่า เมื่อช่วงปลายเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ตนกับ น.ส.มาลัยก็เริ่มมีปัญหากัน จนถูกฝ่ายหญิงไล่ออกจากบ้าน ซึ่งเมื่อถามเหตุผลก็ได้รับคำตอบว่า ไม่ต้องการอยู่กินกับตนแล้ว ต้องการจะมีสามีใหม่ ตนจึงย้ายออกมาพักอยู่ข้างนอก แต่ก็ยังกลับไปที่บ้านของภรรยาอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากเป็นห่วงไก่ชนที่เลี้ยงไว้กว่า 20 ตัว จนกระทั่งคืนวันเกิดเหตุ ขณะที่ตนกำลังขี่จักรยานยนต์เพื่อกลับไปดูแลไก่ชนที่บ้าน ก็พบ น.ส.มาลัย ขี่จักรยานยนต์อยู่กับเพื่อนผู้หญิงที่บริเวณจุดเกิดเหตุ ตนเลยขึ้นไปประกบขอคุยคืนดีกับ น.ส.มาลัย แต่ น.ส.มาลัย ไม่ยอมคุยด้วย เลยคว้าแฮนด์รถของ น.ส.มาลัยไว้เพื่อจะให้หยุดคุยกันทำให้จักรยานยนต์เสียหลักล้มไป
“พอเขาลุกขึ้นมาได้ก็ด่าผมไปจนถึงโคตรเหง้าด้วยถ้อยคำหยาบคาย ด้วยความโมโหเลยชักมีดพกแทงใส่เขาไปหลายครั้ง แต่จำไม่ได้ว่าแทงไปกี่ครั้ง ก่อนจะหนีไปกลางทุ่ง แล้วเข้ามาที่ กทม.โดยตั้งใจจะมาหาญาติ และได้มารู้ภายหลังว่าเขาเสียชีวิตแล้ว ก็เลยรู้สึกสำนึกผิด ตัดสินใจเข้ามามอบตัวที่ กก.ดส.บช.น.เพราะมีญาติทำงานอยู่ที่นี่ โดยตั้งใจหลังพ้นโทษออกมาแล้วจะได้กลับไปดูแลเลี้ยงลูกของผม” นายชะลอให้การ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ไทรย้อย ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
