ข้าราชการสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาสและผู้สูงอายุระดับ 7 อัดอั้นตันใจ ที่เพื่อนร่วมงาน ประเมินการทำงานให้ไม่ผ่าน จนอดขึ้นเงินเดือน แถมยังถูกแซงขึ้นเป็นซี 8 ก่อน ะพกทูตมรณะ.38 มาจากบ้าน ตรงเข้าจ่อยิงไม่ยั้งจนสิ้นใจคาที่ ก่อนที่จะระเบิดขมับตัวเองตายตามคาสำนักงาน
วันนี้ (11 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. พ.ต.ท.ธรรมรักษ์ เรืองดิษฐ์ พนักงานสอบสวน (สบ2) สน.พญาไท ได้รับแจ้งเหตุยิงกันภายในสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาสและผู้สูงอายุ เลขที่ 618/1 ถนนมักกะสัน แขวงมักกะสัน เขตพญาไท กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รองผบก.น.1 พ.ต.อ.สมาน รอดกำเนิด ผกก.สน.พญาไท พ.ต.ท.กฤษณะ สุกันทะ สว.สส.สน.พญาไท แพทย์นิติเวชรพ.รามาธิบดี เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุบนชั้น 5 บริเวณโต๊ะทำงานภายในห้องกลุ่มพัฒนาระบบบริหาร พบศพนายนิมิตร ติวาวิไล อายุ 44 ปี ข้าราชการซี 8 ตำแหน่งผู้ชำนาญการนักวิเคราะห์นโยบายและแผน สภาพศพนอนจมกองเลือดสวมเสื้อเชิ๊ตสีขาว นุ่งกางเกงยีนสีดำ มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .38 เข้าที่บริเวณแก้มซ้าย 2 นัด กกหูบนและล่างอย่างละ 1 นัด ห่างออกไปประมาณ 2 เมตร พบศพนายนรินทร์ นาวิกกากร อายุ 47 ปี สภาพศพนอนจมกองเลือด สวมเสื้อยืดโปโลสีขาว นุ่งกางเกงขายาวสีดำ มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด.38 เข้าที่ขมับขวาทะลุซ้าย โดยข้างลำตัวพบอาวุธปืนขนาด.38 ยี่ห้อสมิธแอนด์เวสสัน ตกอยู่ 1 กระบอก และปลอกกระสุนขนาด.38 จำนวน 5 ปลอก ตกอยู่เกลื่อนพื้น เจ้าหน้าที่จึงเก็บเอาไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนพนักงานภายในสำนักงาน ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุนายนิมิตรกำลังนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะทำงานภายในห้องที่เกิดเหตุ โดยมีพนักงานผู้หญิงนั่งทำงานอยู่บริเวณโต๊ะใกล้เคียงอีก 3 คน จู่ๆนายนรินทร์ได้เดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนจะชักอาวุธปืนออกมายิงใส่นายนิมิตรจนล้มลงกับพื้นโดยไม่พูดพล่ามทำเพลงใดๆ และยังจ่อยิงซ้ำอีกจนนายนิมิตรเสียชีวิต จากนั้นนายนรินทร์ได้ตะโกนไล่ให้คนที่อยู่ภายในห้องออกไปด้านนอกให้หมด ทำให้พนักงานต่างพากันวิ่งหลบหนีออกมาด้วยความหวาดกลัว แต่คล้อยหลังไปเพียงไม่กี่นาที นายนรินทร์ก็ใช้อาวุธปืนกระบอกเดียวกันจ่อขมับยิงตัวเองจนเสียชีวิต
ด้าน พ.ต.ท.กฤษณะ เปิดเผยว่า สำหรับปมการสังหารในครั้งนี้น่าจะเกิดจากความขัดแย้งกันเรื่องงานที่ทั้ง 2 คน มีปัญหากันมานานแล้ว ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2551 ผู้ตายทั้ง 2 คน เคยทำงานอยู่ที่ชั้น 4 ด้วยกัน ต่อมานายนิมิตรมีหน้าที่ที่จะต้องประเมินผลการทำงานของนายนรินทร์ แต่นายนิมิตรประเมินให้ไม่ผ่านทำให้นายนรินทร์ไม่ได้ขึ้นเงินเดือน นายนรินทร์จึงผูกใจเจ็บคิดว่าถูกกลั่นแกล้ง ทำให้ทั้งคู่มีปัญหากันเรื่อยมา กระทั่งนายนรินทร์ได้ถูกย้ายให้ขึ้นมาทำงานบนชั้น 5 ทำให้เรื่องเงียบไป แต่หลังจากนั้นเพียง 1 ปี นายนิมิตร ก็ถูกสั่งให้ย้ายขึ้นไปทำงานบนชั้น 5 ทำให้นายนรินทร์เกิดความเครียดมาตลอดที่ต้องทำงานอยู่ห้องเดียวกัน และนายนิมิตรยังได้เลื่อนขั้นเป็นซี 8 ก่อนอีกด้วย
พ.ต.ท.กฤษณะ กล่าวอีกว่า เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานายนรินทร์ได้ขอลางานไปต่างจังหวัด และกลับมาทำงานเมื่อวันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมา คาดว่านายนรินทร์น่าเกิดความคับแค้นใจ จึงเตรียมอาวุธปืนติดตัวมาทำงานเพื่อสังหารนายนิมิตร โดยนำลูกกระสุนมาจำนวนมาก หลังจากนี้จะต้องทำการสอบปากคำพยานและผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อหาสาเหตุที่ชัดเจน ก่อนมอบศพให้มูลนิธิส่งไปชันสูตรที่สถาบันนิติเวชต่อไป