ตร.สายไหม ตามสางคดีค้างเก่ารวบหนุ่มใหญ่ ลวงเหยื่อว่าสามารถพาไปทำงานด้านการเกษตรที่ออสเตรเลีย-วิ่งเต้นเอาบ้านที่ดินเข้าธนาคารได้ เหยื่อหลงเชื่อจ่ายเงินค่าดำเนินการหลายหมื่นจนถึงแสนบาท ก่อนถูกตามจับตัวได้คาห้างดังเจ้าตัวให้การปฏิเสธ ตร.ไม่ปักใจเชื่อตรวจสอบประวัติพบมีหมายจับคดีฉ้อโกงติดตัวถึง 16 คดี ขณะที่ผู้เสียหายที่รู้ข่าวเข้าชี้ตัวด่าท่อเรียกร้องเอาเงินคืน บางรายฉุนไม่ต้องการเงินคืนแต่ขอกระทืบ จน จนท.ต้องรีบกันตัวออก
วันนี้ (24 ก.พ.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 (บก.น.2) พล.ต.ต.ดำรงค์ศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบก.น.2 พร้อมด้วย พ.ต.อ.พีระพงษ์ วงษ์สมาน รองผบก.น.2 พ.ต.อ.หาญ เลิศทวีวิทย์ ผกก.สน.สายไหม ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายบุญยสิทธิ์ หรือ ณัฐศิริ หรือณัฐ หรือ เจมส์ หรือ ประวิทย์ สมยศ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 411 แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีฉ้อโกงในหลายท้องที่
พล.ต.ต.ดำรงค์ศักดิ์ เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก พ.ต.ท.ดลชัย ปิ่นปัก สว.สส.สน.สายไหม ได้ทำการสะสางหมายจับเก่าตามโครงการ 1 โรงพัก 1 หมายจับ โดยเมื่อช่วงปี 48-52 ที่ผ่านมา ได้มีผู้เสียหายที่เป็นเกษตรกร เข้ามาแจ้งความว่า ถูก นายบุญยสิทธิ์ หลอกลวงว่า สามารถพาไปทำงานด้านการเกษตรที่ประเทศออสเตรเลียได้บ้าง หรือหลอกว่ามีลูกพี่เป็นคนใหญ่โต สามารถวิ่งเต้นเอาบ้าน หรือที่ดินเข้าธนาคารให้กู้เงินได้มากกว่ามูลค่าทรัพย์สินที่แท้จริงได้ แต่จะต้องการเรียกเก็บเงินค่าดำเนินการคนละจำนวนหลายหมื่นจนถึงแสนบาท
พล.ต.ต.ดำรงศักดิ์ กล่าวต่อว่า แต่เมื่อถึงเวลานัดหมายผู้เสียหายกลับไม่ได้เดินทางไปทำงานที่ประเทศออสเตรเลีย หรือไม่สามารถกู้เงินได้มากอย่างที่สัญญาไว้ ทำให้จนเสียเงินให้นายบุญยสิทธิ์ ไปคนละหลายหมื่นบาท บางรายเพิ่งขายข้าวได้เงินมาเป็นแสน ก็มาถูก นายบุญยสิทธิ์ หลอกเอาเงินไปจนหมด เมื่อทวงถามก็จะบ่ายเบี่ยงก่อนจะหลบหนีหายไปเลย จนกระทั่งเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวนายบุญยสิทธิ์ ได้ที่ห้างยูเนี่ยนมอลล์ ย่านจตุจักร
จากการสอบสวน นายบุญยสิทธิ์ ยังคงให้การปฏิเสธว่า ไม่ได้หลอกลวง แต่สาเหตุที่ผู้เสียหายไม่ได้เดินทางไปนั้น เป็นเพราะติดขัดด้านเอกสารของผู้เสียหายมีปัญหาเอง แต่เจ้าหน้ที่ไม่ปักใจเชื่อ เพราะจากการสอบประวัติ พบว่า นายบุญยสิทธิ์ มีหมายจับติดตัวถึง 16 คดี ในท้องที่ บช.น.จ.ปทุมธานี จ.ขอนแก่น จ.นครพนม และ จ.ระยอง ในความผิดในคดีฉ้อโกงทั้งสิ้น โดยเจ้าตัวจะเปลี่ยนชื่อ ที่อยู่ในบัตรประชาชนมาหลายครั้งแล้ว เพื่อไม่ให้ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้ โดยหากผู้เสียหายรายใด เคยถูก นายบุญยสิทธิ์ หลอกลวงเงินไป ก็สามารถติดต่อดูตัวได้ที่ สน.สายไหม
จากนั้นกลุ่มผู้เสียหายนับ 10 ราย ที่เคยถูก นายบุญยสิทธิ์ หลอกลวงไปได้มาชี้ตัวยืนยัน พร้อมทั้งรุมเข้าไปต่อว่านายบุญยสิทธิ์ และเรียกร้องให้คืนเงินที่เสียไปมา โดยบางรายโมโหถึงกับบอกว่า เงินไม่เอาก็ได้ขอกระทืบซักทีก็พอ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องกันตัวนายบุญยสิทธิ์ ออกไปทันทีก่อนเหตุการณ์จะบานปลาย