xs
xsm
sm
md
lg

แท็กซี่หื่น-มอมยาเหยื่อสาว! กับวิธีป้องกันภัยร้ายใกล้ตัว

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

แท็กซี่รถที่ประชาชนคนพอมีตังค์ชอบใช้บริการรับส่งตามจุดหมายที่ต้องการในช่วงเวลาเร่งด่วน ยิ่งอาการร้อนและต้องการความเป็นส่วนตัวถึงที่หมายรวดเร็วกับการควักสตางค์จ่ายเพิ่มไม่กี่บาท แท็กซี่ก็สามารถเข้าตามตรอกซอกซอยคับแคบส่งผู้โดยสารถึงที่หมายได้ แต่จะมีใครรู้ชะตากรรมล่วงหน้าได้ว่า เมื่อเราสาวเท้าขึ้นนั่งรถแท็กซี่แล้วจะไม่มีภัยอันตรายเกิดขึ้น หรือจะรู้ได้อย่างไรว่าภัยร้ายกำลังคืบคลานมาใกล้ตัวอย่างที่ผ่านมาปรากฎเป็นข่าวออกบ่อยครั้งกับเรื่องราว "แท็กซี่มอมยา" โดยใช้ยาสลบผ่านทางช่องแอร์ จากการตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์พบว่าปัจจุบันยาสลบที่ใช้กันในวงการแพทย์มีอยู่ 4 รูปแบบ คือ

1.การรับประทาน ซึ่งมีกระแสข่าวอยู่เรื่อย ๆ ที่มิจฉาชีพนำไปใส่ในน้ำ หรือ เครื่องดื่มให้ผู้อื่นกินเพื่อก่อเหตุ
2.ทางการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ
3.ทางการฉีดเข้าหลอดเลือดดำ วิธีนี้จะนิยมมาก โดยการให้น้ำเกลือคนไข้และฉีดยาเข้าไปทางสายน้ำเกลือ
4. เป็นวิธีที่ นิยมเช่นกันโดยทางการสูดดมผ่านหน้ากาก

โดยวงการแพทย์ ได้ชี้ให้เห็นด้วยว่า ในกรณีที่ใช้ยาดมสลบ เพื่อให้ผู้ป่วยหลับลึกจนหมดสติได้นั้น แพทย์จะให้ผู้ป่วยดมยาสลบผ่านหน้ากากที่ครอบปากและจมูก โดยจะต้องได้รับความร่วมมือจากผู้ป่วยในการสูดดมยาสลบด้วย นั่นคือการไม่ต่อต้าน และไม่มีการกลั้นลมหายใจ ซึ่งใช้เวลาในการที่จะทำให้คนไข้หลับอย่างน้อยประมาณ 1 นาที

หากเป็นในรถแท็กซี่จะต้องใช้ยาปริมาณมาก เพื่อให้ยากระจายทั่วห้องโดยสาร และภายในห้องโดยสารของแท็กซี่ ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นห้องที่ผู้โดยสารกับคนขับอยู่ด้วยกัน ดังนั้นยาจะฟุ้งกระจายในรถทำให้คนขับสูดดมยาดังกล่าวไปด้วย และอยู่ภายใต้ฤทธิ์ของยาดมสลบเช่นเดียวกับผู้โดยสาร ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ผู้โดยสารจะได้รับยาโดยที่คนขับไม่ได้รับด้วย

ดังนั้นจึงไม่น่าเป็นไปได้ที่จะมีการวางยาสลบผู้โดยสารในรถแท็กซี่ เพราะการให้ยาสลบต้องดมผ่านหน้ากากยาอยู่ในที่แคบคนไข้จึงจะสูดดมเข้าไปได้ แต่ในรถแท็กซี่ เป็นบริเวณที่กว้างกว่า เราไม่สามารถควบคุมทิศทางได้ หากจะได้ผลจริง ๆ ต้องใช้ในปริมาณที่มาก แต่ถ้ามากขนาดนั้นผู้ที่อยู่ในรถก็จะต้องหลับไปด้วยกัน อีกทั้งราคาของยาสลบแบบสูดดมนั้นมีราคาแพงมาก ราคาอยู่ที่ประมาณขวดละ 3,000-7,000 บาท (หนึ่งขวดมีปริมาณยาประมาณ 250 ซีซี)

ทั้งนี้ อาจเป็นไปได้ว่าผู้โดยสารอาจได้รับไอระเหยอย่างอื่น เช่น น้ำหอมที่มีกลิ่นแรง ๆ ได้กลิ่น แล้วชวนวิงเวียนศีรษะ และเข้าใจผิดว่ากำลังถูกมอมยา

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเรายังพิสูจน์ไม่ได้ว่า "แท็กซี่มอมยา" มีจริงหรือไม่ แต่เพื่อไม่ให้โชเฟอร์แท็กซี่อาศัยช่องทางทำมาหากิน ของคนสุจริต แอบแฝงมาทำมิดีมิร้ายผู้โดยสารในคราบโจร จึงขอแนะนำหญิงสาว หากจำเป็นต้องใช้บริการแท็กซี่เพียงลำพังให้ปลอดภัยว่า เมื่อขึ้นรถแท็กซี่ให้จดรายละเอียด ของคนขับซึ่งจะมีติดไว้ในรถ จากนั้นโทรศัพท์ไปบอก พ่อแม่พี่น้อง ญาติ หรือเพื่อนฝูงว่าเราอยู่รถแท็กซี่ สีอะไร ทะเบียนหมายเลขอะไร และคนขับชื่ออะไร โดยสารจากไหนไปไหน โดยส่งเสียงดัง ๆ เพื่อเป็นการข่มขวัญ หากแท็กซี่จะคิดทำร้าย มันจะได้ไม่ลงมือก่อเหตุร้าย

ขณะเดียวกัน ให้สังเกตหน้าตาคนขับ ท่าทางเป็นอย่างไร ดูน่าไว้วางใจหรือไม่ มีอาการมึนเมาหรือเปล่า รวมทั้ง ต้องจดจำ นอกจากนี้ต้องตรวจดูชื่อคนขับและดูรูปว่าใบหน้าตรงกันกับคนที่ขับรถอยู่หรือไม่ หรือถ้าเราดูพฤติกรรมของคนขับแล้วผิดปกติ เช่น ชอบมองกระจกหลังหรือมองเราบ่อย ๆ ให้บอกแท็กซี่จอดและลงจากรถทันที ถ้าไม่จอดแสดงว่ามีเจตนาร้าย ให้ใช้โทรศัพท์โทรหาคนที่เราโทรบอกข้อมูลไว้ตอนแรกว่าคนขับรถแท็กซี่ไม่ยอมจอดให้ลงและบอกจุดด้วยว่าเราอยู่บริเวณใด หรือถ้าจะให้ดีควรพกสเปรย์น้ำหอม หรือสเปรย์พริกไทยขวดเล็ก ๆ ติดตัวไว้ด้วยเผื่อพลาดพลั้งก็สามารถฉีดใส่ตาคนร้ายทันทีและเอาตัวรอดได้

สำหรับวิธีการเลือกที่นั่งให้ปลอดภัย หากเรานั่งโดยสารรถแท็กซี่ไปคนเดียวควรเลือกที่นั่งด้านหลังคนขับ โดยนั่งให้ชิดประตูด้านขวา เพราะมีเบาะกั้นและเป็นด้านเดียวกับคนขับ ทำให้ยากต่อการที่คนขับจะหันมาใช้อาวุธ หรือใช้สารเคมีและยาสลบต่าง ๆ จึงถือเป็นการยากที่คนขับจะจู่โจมเราด้วย และเมื่อนั่งแท็กซี่ ห้ามหลับ ต้องมีสติตลอด โดยเฉพาะตอนกลางคืน ต้องระวัง แม้จะคิดว่าเรียกแท็กซี่ศูนย์ก็ไม่มีประโยชน์

ที่สำคัญหากเรารู้ตัวว่ากำลังเผชิญหน้ากับคนร้ายอันดับแรกต้องตั้งสติ และหาทางลงจากรถแท็กซี่ให้เร็วที่สุด จากนั้นขอความช่วยเหลือจากคนใกล้เคียง หรือโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือญาติพี่น้องรวมทั้งจดจำทะเบียนรถ สี ยี่ห้อ หน้าตาของคนขับ อายุ ลักษณะการแต่งกาย ตำหนิรูปพรรณที่สามารถจดจำได้ หรือชื่อนามสกุลของคนขับที่ติดไว้ด้านหน้ารถ จดจำให้ได้มากที่สุด เพื่อง่ายต่อการติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี

ภัยร้ายจากแท็กซี่แม้จะเป็นช่วงเวลากลางวัน แต่ผู้โดยสารแท็กซี่ควรต้องระมัดระวังตัว แต่ไม่ใช่เป็นการหวาดระแวง ซึ่งเมื่อวันที่ 22 ก.พ. ที่ผ่านมา ในเวลาช่วงบ่าย ตำรวจโรงพักบางเขน ได้จับกุมตัวนายจเร หรืออ้วน บุญประเสริฐ อายุ 30 ปี โชเฟอร์แท็กซี่จอมหื่น ซึ่งสืบเนื่องจากเมื่อเวลา 12.00 น. ของวันที่ 19 ก.พ. ที่ผ่านมา น.ส.ฝน (นามสมมติ) อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนชื่อดังย่านเกษตร-นวมินทร์ ได้เรียกรถแท็กซี่ยี่ห้อโตโยต้า อัลติส สีชมพู หมายเลขทะเบียน ทล-6079 กทม. ซึ่งมีนายจเร หรือ อ้วน บุญประเสริฐ เป็นโชเฟอร์ จากปากซอยลาดปลาเค้า 39 ให้ไปส่งที่สำนักงานเขตบางกะปิ โดยระหว่างทางนายจเรได้ออกอุบายลวงผู้เสียหายว่าตัวเองเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะขอให้ผู้เสียหายไปเป็นพยานให้ด้วย เนื่องจากต้องไปส่งผู้เสียหายที่เขตบางกะปิ ทำให้ไปเข้าแถวช้าถูกเจ้านายตำหนิ จากนั้น นายจเร ได้พา น.ส.ฝน ไปเปิดห้องพักภายในซอยรามอินทรา 19 โดยอ้างว่าจะขอไปเปลี่ยนเครื่องแบบตำรวจในห้องพักก่อน แล้วได้นำตัวผู้เสียหายขึ้นห้องไปด้วยหลังจากนั้น นายจเร ได้ใช้กำลังกอดจูบลูบคลำ น.ส.ฝน แต่ผู้เสียหายขัดขืนและพยายามหนีเอาตัวรอดพร้อมรตะโกนร้องขอความช่วยเหลือตลอดเวลา จึงถูกนายจเรกระชากผม ตบหน้า ใช้เท้าเตะ และข่มขู่หากขัดขืนจะยัดยาเสพติดให้ผู้เสียหายและนำตัวไปดำเนินคดี อีกทั้งห้ามนำเรื่องดังกล่าวไปบอกใคร แต่ระหว่างนั้นมีพนักงานของห้องพักที่เกิดเหตุได้ขึ้นมาเคาะประตูเรียก พร้อมทั้งเข้าช่วยเหลือเหยื่อเด็กสาวจนปลอดภัย

อีกรายตำรวจสืบสวน สน.หัวหมาก ตามจับกุมนายเกรียงศักดิ์ สุนทรวนาเวศ อายุ 35 ปี โชเฟอร์แท็กซี่หื่นกามก่อเหตุใช้มีดคัตเตอร์จี้คอข่มขืนแถมรูดทรัพย์ผู้โดยสารสาว โดยนายเกรียงศักดิ์ ให้การรับสารภาพว่า ได้เช่ารถแท็กซี่จากเพื่อนมาขับรับผู้โดยสารเวลากลางคืน ซึ่งวันเกิดเหตุรับผู้โดยสารเป็นผู้หญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่ง จากย่านเอกมัย ก่อนผู้โดยสารแวะไปหาแฟนหนุ่มที่บ้านพักย่านลาดพร้าว จากนั้นผู้โดยสารให้ไปส่งที่บ้านพักย่านพัฒนาการ แต่โชเฟอร์แท็กซี่เห็นว่าผู้โดยสารเป็นคนผิวขาวมาก สวมกระโปรงสั้น และสวมเสื้อแขนกุด ประกอบกับเป็นช่วงกลางดึกแล้ว จึงตัดสินใจมีดคัดเตอร์จี้คอ ก่อนพาไปข่มขืนบริเวณ ถนนมอเตอร์เวย์ ศรีนครินทร์ กม. 4 โดยโชเฟอร์แท็กซี่หื่นได้ปีนข้ามไปข่มขืนผู้โดยสารสาวที่เบาะข้างคนขับ ระหว่างข่มขืนยังใช้โทรศัพท์มือถือของฝ่ายหญิงถ่ายคลิปวีดีโอเก็บไว้ด้วย จนเมื่อสำเร็จความใคร่แล้ว จึงได้จี้เอาเงินสด 400 บาท พร้อมกับยึดโทรศัพท์มือถือแล้วพาเหยื่อสาวไปปล่อยทิ้งไว้ที่ ซอยพัฒนาการ 20

ภัยอันตรายเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อทุกเวลา หากแท็กซี่บางส่วนไม่มีสามัญสำนึกเป็นคนดีของสังคม แต่กลับสร้างความเสื่อมทรามให้กับแวดวงคนขับแท็กซี่ ซึ่งเมื่อผู้โดยสารได้รับความเลวร้าย อีกทั้งต้องประสบโชคร้ายจากภัยใกล้ตัวเมื่อต้องโดยสารแท็กซี่ ที่คอยจ้องจะตะครุบเหยื่อสาว หลอกลวงบังคับข่มขู่แล้วข่มขืน ซึ่งเกิดขึ้นเป็นข่าวครึกโครมต่อเนื่องแล้ว ผู้โดยสารที่ต้องสัญจรด้วยรถแท็กซี่จะฝากความปลอดภัยไว้ที่ใคร เมื่อจำเป็นต้องใช้บริการแท็กซี่???

แม้ว่าที่เกริ่นนำมาทั้งหมดจะเป็นเพียงเศษเสี้ยวของแต่ละคดีที่เกิดขึ้นจริง โดยมีคนร้ายอาศัยอาชีพคนขับแท็กซี่ ได้ประทับตราบาปให้กับหญิงสาวที่ตกเป็นเหยื่อกาม และไม่รอดปลอดภัย จะต้องสะเทือนใจถูกเยียวยาด้านจิตใจ ซึ่งหญิงสาวเหล่านั้นจะยิ้มแย้ม เงยหน้าอยู่บนสังคมโสมนนี่ได้อย่างไร อย่างไรก็ตาม ในทางกลับกันก็พอมีบ้างกับแท็กซี่คนดีของสังคมที่คอยเก็บสิ่งของ กระเป๋าสตางค์ หรือทรัพย์สินที่ผู้โดยสารลืมทิ้งไว้ ส่งคืนเจ้าของ แต่ก็ยังมีหลงเหลืออยู่กับพวกเดนมนุษย์ที่ฉวยโอกาสเข้ามาล่าเหยื่อสาวแล้วข่มขืนซ้ำแล้วซ้ำเล่า กับเหยื่อบางรายที่ต้องอับอาย แต่ไม่กล้าเข้าแจ้งความหาคนผิดมาดำเนินคดี จึงทำให้พวกแท็กซี่เลวหยามใจก่อเหตุซ้ำจนน่าหวาดกลัวขึ้นทุกวัน!!
นายจเร หรืออ้วน บุญประเสริฐ อายุ 30 ปี ล้วงเด็ก ม.3 หวังข่มขืน
เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนายจเร หรืออ้วน บุญประเสริฐ อายุ 30 ปี ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
เจ้าหน้าที่คุมตัวทำแผน! นายเกรียงศักดิ์ สุนทรวนาเวศ อายุ 35 ปี โชเฟอร์แท็กซี่หื่นกามก่อเหตุใช้มีดคัตเตอร์จี้คอข่มขืนแถมรูดทรัพย์ผู้โดยสารสาว

กำลังโหลดความคิดเห็น