ตำรวจเตรียมกำลัง 27 กองร้อย คุมม็อบเสื้อแดงเคลื่อนไหว 19 ก.พ. พร้อมเตรียมออกหมายเรียกพันธมิตรฯ-กลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ เพิ่มเติมกว่า 10 คน ฐานฝ่าฝืน พ.ร.บ.ความมั่นคง
วันนี้ (16 ก.พ.) เมื่อเวลา 16.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) กล่าวภายหลังการประชุมว่า ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้เสนอแผนการดูแลความสงบเรียบร้อยการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ในวันที่ 19 ก.พ.ที่จะเริ่มชุมนุมในเวลา 13.00 น.ที่บริเวณแยกราชประสงค์ ก่อนจะเคลื่อนการชุมนุมมาบริเวณหน้าศาลฎีกา และอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยการชุมนุมดังกล่าวกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ได้เตรียมกำลังดูแลไว้ 27 กองร้อย โดยจะดูแลทุกพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งพื้นที่เฝ้าระวังด้วย ส่วนข้อมูลอื่นๆ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ต้องรอประเมินสถานการณ์อีกครั้ง
พล.ต.ต.ประวุฒิกล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเตรียมออกหมายเรียกแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ และกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ เพิ่มเติมอีกมากกว่า 10 คน ในข้อหาขัดประกาศข้อกำหนดห้ามเข้าหรือให้ออกจากพื้นที่ ตาม พ.ร.บ.ความมั่นคง โดยเป็นบุคคลที่เคยขึ้นบนเวทีก่อนหน้านี้ และได้ใช้คำพูดกระทบความมั่นคง พร้อมทั้งใช้ข้อความที่ไม่ตรงความจริง โฆษณาชวนเชื่อ ยุยงส่งเสริมให้เกิดความวุ่นวาย ส่วนแนวร่วมหรือแกนนำหน้าใหม่ที่ขึ้นเวทีนั้นพนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐานอยู่ว่าเข้าข่ายหรือไม่ ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้เวลาในการรวบรวมหลักฐานอีก 2 วันก็สามารถออกหมายเรียกเพิ่มเติมรอบสองได้
“สำหรับการเจรจาเพื่อขอพื้นที่การจราจรบางส่วนคืนนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับแกนนำยังไม่ได้ข้อยุติ ผู้ชุมนุมอ้างว่าช่วงวันหยุดจะมีผู้ชุมนุมมาเป็นจำนวนมากทำให้ต้องสงวนพื้นที่ไว้ให้ผู้ชุมนุม ไม่สามารถเปิดพื้นที่ได้ ตำรวจก็พยายามเจรจาช่วงวันปกติ และช่วงเวลาเร่งด่วนให้ทางผู้ชุมนุมเปิดพื้นที่ให้แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบ โดยเราจะดำเนินการอย่างเร็วที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่ง และการเผชิญหน้าทำให้เกิดความวุ่นวาย ส่วนการขยายเวลาใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงนั้นตอนนี้ทาง ศอ.รส.ยังไม่ได้หารือในเรื่องนี้ ต้องประเมินการชุมนุมเป็นระยะ ซึ่งการชุมนุมอาจจะไม่ยาวอย่างที่คิดก็ได้” โฆษก.ศอ.รส.กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตำรวจได้มีการต่อรองไม่สั่งฟ้องหรือยืดเวลาการสั่งฟ้องในนคดีพันธมิตร เพื่อแลกกับการให้เลิกชุมนุมหรือไม่ พล.ต.ต.ประวุฒิกล่าวว่า คงไม่มี เพราะการทำงานเป็นไปตามขั้นตอน ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสอบสวนเสร็จก็ต้องส่งให้อัยการสั่งฟ้อง โดยคดีที่เกี่ยวข้องกับพันธมิตรมี 2 คดีคือ คดีบุกยึดทำเนียบรัฐบาล ผู้ต้องหาทั้งสิ้น 21 ราย ซึ่งได้นัดผู้ต้องหาเพื่อส่งอัยการไปแล้วแต่พันธมิตรฯ ได้ส่งทนายมาขอเลื่อน ซึ่งไม่เกินสิ้นเดือนนี้จะสามารถนัดผู้ต้องหาพร้อมกับส่งสำนวนให้อัยการได้ และในคดีที่ 2 คือ คดีบุกยึดสนามบิน ซึ่งขณะนี้สำนวนพนักงานสอบสวนได้สอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว โดย พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.นัดประชุมสรุปคดีครั้งสุดท้ายหลังจากได้สั่งให้มีการไปสอบสวนเพิ่มเติมในบางประเด็น เพื่อลงความเห็นสั่งฟ้องหรือไม่สั่งฟ้องในวันที่ 21 ก.พ.นี้
ส่วนการยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนของ พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้ช่วย ผบ.ตร.จะมีการพิจารณาในวันนี้ด้วย หากสำนวนเสร็จเรียบร้อยก็คงจะสามารถพิจารณาให้ลาออกได้
