นครบาลแถลงโชว์จับ 2 คนร้ายบุกจี้ร้านทองย่านรามคำแหง รับก่อเหตุจริงแต่ได้ทองคำไปแค่ 20 บาท ไม่ใช่ 67 บาท แล้วให้แฟนสาวนำไปจำนำได้เงินมากว่าแสนบาท เหลือทองอยู่เพียง 13 บาท อ้างทำลงไปเพราะต้องการเงิน และทำเลียนแบบข่าวที่คนร้ายควบฟอร์จูนเนอร์ปล้นทองแถวดอนเมือง
วันนี้ (10 ก.พ.) เมื่อเวลา 13.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รอง ผบ.ตร.พร้อมด้วยตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวน บช.น. แถลงการจับกุมคนร้ายปล้นร้านทองแม่กิมหงษ์ เลขที่ 4/891 ถนนรามคำแหง 2 ซอย 23 แยก 3 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม.เมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยเจ้าของร้านแจ้งว่าคนร้ายได้ทองคำไปทั้งสิ้น 67 บาท รวมมูลค่า 1.5 ล้านบาท โดยมีผู้ต้องหา 2 ราย คือ นายชุติเดช เพชรใจศักดิ์ และ นายวยัคฆ์ อินถา พร้อมด้วยของกลาง อาวุธปืนขนาด .38 ไม่มีทะเบียน พร้อมด้วยเครื่องกระสุนจำนวน 59 นัด สร้อยคอทองคำ 3 เส้น สร้อยข้อมือทองคำ 5 เส้น เงินสด 100,000 บาท และโทรศัพท์มือถือ จำนวน 4 เครื่อง เสื้อผ้าที่ใช้ก่อเหตุ และรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีเลือดหมู ทะเบียน ฌฮ 2093 กทม.พร้อมด้วยตั๋วรับจำนำของห้างทองดำรงชัย กิ่งแก้ว ซึ่งมีชื่อ น.ส.เทียน จันทร์ขำ เป็นผู้นำไปฝากขาย
พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน ได้ลงพื้นที่เก็บหลักฐานของคนร้ายที่ทิ้งร่องรอยไว้ เช่น ลายนิ้วมือ ดีเอ็นเอต่างๆ รวมถึงเสื้อผ้าที่ทำหล่นไว้ ซึ่งเมื่อตรวจสอบลายนิ้วมือ ปรากฏว่า ไปตรงกับคนร้ายที่เคยต้องคดียาเสพติดที่จังหวัดน่าน คือ นายชุติเดช เพชรใจศักดิ์ ซึ่งมีอาชีพเป็นเชฟอาหารฝรั่งเศส เจ้าหน้าที่จึงแกะรอยตามจับกุม โดยสามารถจับกุมได้เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (10 ก.พ.) ที่ห้องพักเลขที่ 299/14 ตึก 85 หมู่บ้านเอื้ออาทร กม.16 ถ.บางนา-ตราด อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ โดยเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ก่อเหตุดังกล่าวจริง แต่ได้ทองคำไปเพียง 20 บาท ซึ่งเรื่องนี้ขัดกับที่เจ้าของร้านให้การไว้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสืบสวนอีกครั้ง และผู้ต้องหาได้นำทองคำไปให้กับ น.ส.เทียน จันทร์ขำ ซึ่งเป็นแฟนสาวของนายวยัคฆ์ อินถา เพื่อนำทองไปขาย ได้เงินมาราว 100,000 บาท ซึ่งถือว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติงานได้เป็นอย่างดี ใช้เวลาเพียงแค่ 2 วันก็สามารถจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุได้
ด้าน นายวยัคฆ์ อินถา ผู้ต้องหาให้การว่า หลังจากก่อเหตุได้นำทองคำไปให้แฟนสาวเพื่อนำไปขายต่อ และได้เงินมาจำนวน 101,000 บาท ซึ่งตนยังไม่ทันได้ใช้เงินทั้งหมด และเหลือทองคำอยู่ประมาณ 13 บาท โดยแบ่งจำนวน 1,000 บาท ไปเติมน้ำมัน และไปซื้อสุรามาดื่มกิน โดยที่ก่อเหตุไปเพราะต้องการเงิน และลอกเลียนแบบจากข่าวปล้นทองที่คนร้ายขับรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ไปปล้นร้านทองแถบดอนเมือง ที่เห็นในโทรทัศน์ แต่เดิมตนเคยเปิดอู่ซ่อมรถ แต่กิจการไม่ดีเป็นหนี้จำนวนมาก ส่วน น.ส.เทียน จันทร์ขำ นั้น ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าวแต่อย่างใด
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว น.ส.เทียน จันทร์ขำ มาซักถามเบื้องต้น และให้การว่า ตนเป็นเพื่อนหญิงของ นายวยัคฆ์ และไม่ทราบเรื่องที่ไปก่อเหตุมา เพียงแต่ นายวยัคฆ์ ได้นำทองคำให้ตนไปฝากขาย พร้อมกับไปจำนำเพื่อนำเงินมาใช้จ่าย เจ้าหน้าที่จึงกันตัวไว้เป็นพยาน และหลังจากนี้ จะตรวจสอบร้านทองที่คนร้ายนำทองคำไปจำนำ เพื่อดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อไป
ต่อมา เวลา 15.30 น. พ.ต.อ.อาณัติ เกล็ดมณี รอง ผบก.น 4 พ.ต.ท.สมปอง สำราญใจ รอง ผกก.สส.สน.อุดมสุข นำนายชุติเดช เพชรใจศักดิ์ และ นายวยัคฆ์ อินถา พร้อมด้วยของกลาง อาวุธปืนขนาด .38 ไม่มีทะเบียนมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ร้านทองแม่กิมหงษ์ เลขที่ 4/891 ถนนรามคำแหง 2 ซอย 23 แยก 3 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ ตั้งแต่ขับรถจอดดูลาดเลาที่หน้าร้าน ก่อนที่นายวยัคฆ์ จะสวมหมวกสาน และบุกเข้าไปใช้ปืนจ่อเจ้าของร้าน และตะโกนว่า อยู่นิ่งๆไม่งั้นกูยิง ก่อนจะจับล็อคกุญแจมือกับลูกบิด จากนั้นส่งสัญญาณเรียกนายชุติเดช ให้กระโดดข้ามเคาน์เตอร์เข้าไปกวาดสร้อยคอทองคำจำนวนหนึ่ง และรีบออกมาขึ้นรถหลบหนีไป ส่วนน้ำหนักทองที่เจ้าของร้านแจ้งว่า 67 บาท แต่ผู้ต้องหายืนยันว่าชิงทรัพย์ไปแค่ 20 บาทนั้น จากการสอบถาม นายศรีวันริต เจ้าของร้านให้การว่า ในวันเกิดเหตุค่อนข้างวุ่นวาย รวมทั้งยังอยู่ในอาการตกใจ ทำให้อาจจะจำเอาจำนวนน้ำหนักทองคลาดเคลื่อนได้ ซึ่งต้องขอตรวจดูอย่างละเอียดอีกครั้งว่าถูกชิงไปเท่าไหร่กันแน่
ตร.ยังไม่ชัดคนร้ายกวาดทอง 67 บาทมีกี่คน-เร่งเช็กวงจรปิดตามล่า!
3 โจรควบเก๋งปล้นร้านทองใส่กุญแจมือเจ้าของกวาด 67 บาท!
วันนี้ (10 ก.พ.) เมื่อเวลา 13.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รอง ผบ.ตร.พร้อมด้วยตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวน บช.น. แถลงการจับกุมคนร้ายปล้นร้านทองแม่กิมหงษ์ เลขที่ 4/891 ถนนรามคำแหง 2 ซอย 23 แยก 3 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม.เมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยเจ้าของร้านแจ้งว่าคนร้ายได้ทองคำไปทั้งสิ้น 67 บาท รวมมูลค่า 1.5 ล้านบาท โดยมีผู้ต้องหา 2 ราย คือ นายชุติเดช เพชรใจศักดิ์ และ นายวยัคฆ์ อินถา พร้อมด้วยของกลาง อาวุธปืนขนาด .38 ไม่มีทะเบียน พร้อมด้วยเครื่องกระสุนจำนวน 59 นัด สร้อยคอทองคำ 3 เส้น สร้อยข้อมือทองคำ 5 เส้น เงินสด 100,000 บาท และโทรศัพท์มือถือ จำนวน 4 เครื่อง เสื้อผ้าที่ใช้ก่อเหตุ และรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีเลือดหมู ทะเบียน ฌฮ 2093 กทม.พร้อมด้วยตั๋วรับจำนำของห้างทองดำรงชัย กิ่งแก้ว ซึ่งมีชื่อ น.ส.เทียน จันทร์ขำ เป็นผู้นำไปฝากขาย
พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน ได้ลงพื้นที่เก็บหลักฐานของคนร้ายที่ทิ้งร่องรอยไว้ เช่น ลายนิ้วมือ ดีเอ็นเอต่างๆ รวมถึงเสื้อผ้าที่ทำหล่นไว้ ซึ่งเมื่อตรวจสอบลายนิ้วมือ ปรากฏว่า ไปตรงกับคนร้ายที่เคยต้องคดียาเสพติดที่จังหวัดน่าน คือ นายชุติเดช เพชรใจศักดิ์ ซึ่งมีอาชีพเป็นเชฟอาหารฝรั่งเศส เจ้าหน้าที่จึงแกะรอยตามจับกุม โดยสามารถจับกุมได้เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (10 ก.พ.) ที่ห้องพักเลขที่ 299/14 ตึก 85 หมู่บ้านเอื้ออาทร กม.16 ถ.บางนา-ตราด อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ โดยเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ก่อเหตุดังกล่าวจริง แต่ได้ทองคำไปเพียง 20 บาท ซึ่งเรื่องนี้ขัดกับที่เจ้าของร้านให้การไว้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสืบสวนอีกครั้ง และผู้ต้องหาได้นำทองคำไปให้กับ น.ส.เทียน จันทร์ขำ ซึ่งเป็นแฟนสาวของนายวยัคฆ์ อินถา เพื่อนำทองไปขาย ได้เงินมาราว 100,000 บาท ซึ่งถือว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติงานได้เป็นอย่างดี ใช้เวลาเพียงแค่ 2 วันก็สามารถจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุได้
ด้าน นายวยัคฆ์ อินถา ผู้ต้องหาให้การว่า หลังจากก่อเหตุได้นำทองคำไปให้แฟนสาวเพื่อนำไปขายต่อ และได้เงินมาจำนวน 101,000 บาท ซึ่งตนยังไม่ทันได้ใช้เงินทั้งหมด และเหลือทองคำอยู่ประมาณ 13 บาท โดยแบ่งจำนวน 1,000 บาท ไปเติมน้ำมัน และไปซื้อสุรามาดื่มกิน โดยที่ก่อเหตุไปเพราะต้องการเงิน และลอกเลียนแบบจากข่าวปล้นทองที่คนร้ายขับรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ไปปล้นร้านทองแถบดอนเมือง ที่เห็นในโทรทัศน์ แต่เดิมตนเคยเปิดอู่ซ่อมรถ แต่กิจการไม่ดีเป็นหนี้จำนวนมาก ส่วน น.ส.เทียน จันทร์ขำ นั้น ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าวแต่อย่างใด
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว น.ส.เทียน จันทร์ขำ มาซักถามเบื้องต้น และให้การว่า ตนเป็นเพื่อนหญิงของ นายวยัคฆ์ และไม่ทราบเรื่องที่ไปก่อเหตุมา เพียงแต่ นายวยัคฆ์ ได้นำทองคำให้ตนไปฝากขาย พร้อมกับไปจำนำเพื่อนำเงินมาใช้จ่าย เจ้าหน้าที่จึงกันตัวไว้เป็นพยาน และหลังจากนี้ จะตรวจสอบร้านทองที่คนร้ายนำทองคำไปจำนำ เพื่อดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อไป
ต่อมา เวลา 15.30 น. พ.ต.อ.อาณัติ เกล็ดมณี รอง ผบก.น 4 พ.ต.ท.สมปอง สำราญใจ รอง ผกก.สส.สน.อุดมสุข นำนายชุติเดช เพชรใจศักดิ์ และ นายวยัคฆ์ อินถา พร้อมด้วยของกลาง อาวุธปืนขนาด .38 ไม่มีทะเบียนมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ร้านทองแม่กิมหงษ์ เลขที่ 4/891 ถนนรามคำแหง 2 ซอย 23 แยก 3 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ ตั้งแต่ขับรถจอดดูลาดเลาที่หน้าร้าน ก่อนที่นายวยัคฆ์ จะสวมหมวกสาน และบุกเข้าไปใช้ปืนจ่อเจ้าของร้าน และตะโกนว่า อยู่นิ่งๆไม่งั้นกูยิง ก่อนจะจับล็อคกุญแจมือกับลูกบิด จากนั้นส่งสัญญาณเรียกนายชุติเดช ให้กระโดดข้ามเคาน์เตอร์เข้าไปกวาดสร้อยคอทองคำจำนวนหนึ่ง และรีบออกมาขึ้นรถหลบหนีไป ส่วนน้ำหนักทองที่เจ้าของร้านแจ้งว่า 67 บาท แต่ผู้ต้องหายืนยันว่าชิงทรัพย์ไปแค่ 20 บาทนั้น จากการสอบถาม นายศรีวันริต เจ้าของร้านให้การว่า ในวันเกิดเหตุค่อนข้างวุ่นวาย รวมทั้งยังอยู่ในอาการตกใจ ทำให้อาจจะจำเอาจำนวนน้ำหนักทองคลาดเคลื่อนได้ ซึ่งต้องขอตรวจดูอย่างละเอียดอีกครั้งว่าถูกชิงไปเท่าไหร่กันแน่
ตร.ยังไม่ชัดคนร้ายกวาดทอง 67 บาทมีกี่คน-เร่งเช็กวงจรปิดตามล่า!
3 โจรควบเก๋งปล้นร้านทองใส่กุญแจมือเจ้าของกวาด 67 บาท!
