แม่มือใหม่เลี้ยงลูกชายวัยกว่า 2 เดือน ทุกเช้าจะจับลูกชายนอนคว่ำหน้าลง เพราะกลัวลูกจะเมื่อยจากให้นอนหงายทั้งคืน แต่พอช่วงสายน้องสาวไปอุ้มหลานชายกลับต้องตกใจเพราะเด็กชายหน้าซีด ปากเขียวคล้ำไม่หายใจแล้ว รีบนำส่งโรงพยาบาลแต่ไม่สามารถช่วยชีวิตเด็กได้ ขณะที่ตำรวจคาดความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของมารดา ฝากเตือนแม่มือใหม่ให้คอยระมัดระวัง และดูแลลูกน้อยอย่างใกล้ชิด เพราะอาจเกิดเหตุเช่นเดียวกันได้
วันนี้ (5 ก.พ.) เมื่อเวลา 09.30 น. ร.ต.ท.มนเดช มาแนม พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ลาดพร้าว รับแจ้งมีเด็กทารกเสียชีวิตอย่างไม่ทราบสาเหตุที่คลินิกแพทย์ปัญญา 2 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พบ น.ส.สายพิณ หรือโส โภชนา อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 650/367 หมู่ 5 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กำลังร่ำไห้อุ้มศพ ด.ช.วิศรุต หรือน้องเอฟ สุขประเสริฐ อายุ 2 เดือน 6 วัน ผู้เป็นลูกชายที่เพิ่งเสียชีวิตมาประมาณ 3 ชั่วโมง สภาพศพหน้าซีด ปากเขียวคล้ำ
จากการสอบสวน น.ส.สายพิณให้การว่า ตนพักอยู่กับนายวุฒิไกร สุขประเสริฐ อายุ 19 ปี ที่บ้านเลขที่ 194 ซอยนวมินทร์ 26 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม โดยเมื่อคืนที่ผ่านมาตนเอาผ้าห่อลูกชายเอาไว้ให้อุ่นตลอดคืนเหมือนปกติทุกวัน จนกระทั่งเวลาประมาณ 06.00 น.ที่ผ่านมาได้ตื่นขึ้นมาส่งสามีออกไปทำงาน จากนั้นก็มาดูลูกชายที่นอนอยู่บนเตียง จากนั้นจับลูกชายนอนคว่ำหน้าลงเพราะกลัวลูกจะเมื่อย เนื่องจากให้นอนหงายมาทั้งคืนแล้ว พร้อมทั้งคอยดูว่าลูกขยับตะแคงตัวหายใจหรือไม่ ซึ่งตอนนั้นลูกชายก็ยังขยับตัวและส่งเสียงร้องอยู่ ตนก็คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรเลยเอามุ้งมาคลุมกันยุงให้ลูกชายก่อนที่ตนจะกลับไปนอนต่อ
น.ส.สายพิณให้การต่อว่า ต่อมาเวลาประมาณ 08.00 น. ตนก็ต้องตกใจตื่นเพราะน้องสาวตนมาหาที่บ้าน ได้เดินไปอุ้มลูกชายออกมาจากมุ้งแล้วตกใจส่งเสียงร้องดังลั่น ตนจึงรีบไปดูก็เห็นลูกชายหน้าซีด ปากเขียวคล้ำไม่หายใจแล้ว จึงรีบพาส่งคลินิกแพทย์ปัญญา 2 ที่อยู่ใกล้บ้าน แต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตลูกชายเอาไว้ได้
น.ส.สายพิณกล่าวด้วยว่า น้องเอฟเป็นลูกชายคนแรก ตนกับสามีก็คอยเฝ้าทะนุถนอมตั้งแต่คลอดออกมา ซึ่งตนไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับครอบครัวตน เพราะช่วงเช้าตนจะตื่นมาจับลูกให้นอนคว่ำหน้าเป็นประจำทุกวันโดยที่ไม่มีปัญหาอะไร เนื่องจากลูกชายจะตะแคงตัวหายใจได้เองเป็นปกติ ซึ่งเมื่อช่วงเช้าวันนี้ลูกชายยังตะแคงตัวหายใจได้เหมือนปกติทุกวัน แต่แล้วลูกชายกลับต้องมาเสียชีวิต รู้สึกตกใจและเสียใจอย่างมากไม่คิดว่าจะทำให้ลูกต้องตาย
ด้าน ร.ต.ท.มนเดชกล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่ได้แจ้งข้อหาต่อ น.ส.สายพิณ โดยต้องส่งศพเด็กไปชันสูตรที่สถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงอีกครั้ง จากนั้นจะดูว่าจะเข้าข่ายข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิตหรือไม่ หากเข้าข่ายก็ต้องถูกดำเนินคดี แต่หากไม่เข้าข่ายอาจจะเป็นเหตุรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งจากการตรวจสอบสภาพศพเด็กในเบื้องต้นแล้วไม่พบร่องรอย หรือบาดแผลตามร่างกายแต่อย่างใด เชื่อว่าน่าจะเป็นการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของผู้เป็นแม่มากกว่า จึงอยากฝากเตือนคุณแม่มือใหม่ให้คอยระมัดระวัง และดูแลลูกน้อยอย่างใกล้ชิด เพราะอาจจะเกิดเหตุเช่นเดียวกับกรณีนี้ขึ้นก็เป็นได้