ผบ.ตร.ห่วงใยประชาชนช่วงเทศกาลตรุษจีน สั่งทุกหน่วยป้องปราบอาชญากรรม เน้นตั้งจุดตรวจอย่างเข้มงวด ส่งสายตรวจคอยเฝ้าระวังตามธนาคาร-ร้านทอง-อัญมณี แนะให้ประชาชนระวังถูกหลอกลวงเอาทรัพย์จากมิจฉาชีพชอบแอบอ้างเรี่ยไรเงินทำบุญ หรือ เชิดหัวสิงโต เพื่อขอเงินตามบ้าน-ห้างร้าน
วันนี้ (31 ม.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษก ตร.กล่าวว่า เนื่องจากวันที่ 3 ก.พ.นี้เป็นวันตรุษจีน ตามประเพณีของคนไทยเชื้อสายจีน ซึ่งจะมีการจัดเตรียมซื้อสิ่งของทำพิธีเซ่นไหว้ และเดินทางไปเยี่ยมญาติหรือเดินทางไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ รวมทั้งบริษัท หรือร้านค้าบางแห่งหยุดทำการ เพื่อให้พนักงานหรือลูกจ้างพักผ่อนหรือเดินทางกลับภูมิลำเนา ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ปัญหาจราจร รวมทั้งปัญหาการเกิดอัคคีภัย อันเนื่องมาจากความประมาทได้ โดย พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน จึงได้สั่งการกำชับหน่วยงานตำรวจสังกัด กองบัญชาการตำรวจนครบาล, ตำรวจภูธร 1-9, ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ดำเนินการตามมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม อำนวยความสะดวกจราจร ป้องกันและระงับอัคคีภัย ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ประจำปี 2554 และเพิ่มความเข้มการปฏิบัติเป็นกรณีพิเศษ ดังนี้
1. กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจให้ออกตรวจตราตามสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะ ธนาคาร ร้านทอง ร้านอัญมณี สถานประกอบการที่มีเงินทุนหมุนเวียนเป็นจำนวนมาก สถานบริการน้ำมัน-แก๊ส สถานีขนส่ง บริเวณที่มีประชาชนจับจ่ายใช้สอย และสถานที่ที่ประชาชนเดินทางไปทำพิธีเซ่นไหว้จำนวนมาก เพื่อป้องกันการเกิดคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์
2. เพิ่มความเข้มการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด โดยเฉพาะตามเส้นทางและพื้นที่ล่อแหลม เส้นทางเปลี่ยวหรือพื้นที่ที่น่าจะเกิดอาชญากรรม การจัดตั้งจุดตรวจค้นให้ดำเนินการทั้งกลางวันและกลางคืน โดยประสานการปฏิบัติกับหน่วยใกล้เคียงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
3. จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำสถานีตำรวจให้มีจำนวนพอเพียงสำหรับการให้บริการประชาชน ทั้งในและนอกสถานีตำรวจเมื่อได้รับการร้องขอ
4. ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวกด้านการจราจร บริเวณสถานีขนส่งทุกแห่ง เส้นทางหลัก เส้นทางรองที่สำคัญ และแนะนำให้เปลี่ยนเส้นทางเดินรถจากพื้นที่ที่มีการจราจรคับคั่งไปยังพื้นที่ที่มีการจราจรเบาบางกว่า และจัดการจราจรให้สอดคล้อง เหมาะสมกับพื้นที่และสถานการณ์ โดยเฉพาะวันจับจ่ายและวันเดินทางท่องเที่ยว
5. ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด จริงจัง ในกรณีที่เป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุจราจร 10 ฐานความผิด ได้แก่ ขับรถจักรยานยนต์โดยไม่สวมหมวกนิรภัย, ขับรถจักรยานยนต์ที่มีอุปกรณ์ส่วนควบไม่ถูกต้องและครบถ้วนตามกฎหมายกำหนด ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุ, ขับรถขณะเมาสุรา, ขับรถยนต์โดยไม่คาดเข็มขัดนิรภัย, ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่, ขับรถด้วยความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด, ขับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง, ขับรถแซงในที่คับขันหรือเขตปลอดภัย, ขับรถย้อนศร, โทรศัพท์ขณะขับรถ
6. ให้สถานีตำรวจทุกท้องที่จัดเตรียมแผนเผชิญเหตุเพลิงไหม้ในเขตพื้นที่รับผิดชอบ โดยเฉพาะบริเวณที่ตั้งชุมชนหนาแน่น ย่านการค้า โรงแรม และอาคารสูง กรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ ให้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวกแก่หน่วยงานที่เข้าไประงับเหตุ หรือช่วยเหลือผู้ประสบภัย จัดระเบียบการจราจรบริเวณที่เกิดเหตุ รวมทั้งกั้นพื้นที่ และกันประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องไม่ให้เข้าไปในที่เกิดเหตุ
นอกจากนี้ ขอให้ประชาชนระมัดระวังการหลอกลวงเอาทรัพย์จากกลุ่มมิจฉาชีพที่ใช้วิธีแอบอ้างรูปแบบต่างๆ เช่น การเรี่ยไรเงินทำบุญ หรือการเชิดหัวสิงโต เพื่อขอเงินตามบ้านหรือห้างร้านต่างๆ เป็นต้น ไม่ควรใส่เครื่องประดับ ของมีค่า หรือวางทรัพย์สินไว้ในรถยนต์ขณะออกไปธุระหรือท่องเที่ยวและให้ปฏิบัติตามกฎหมายจราจรโดยเคร่งครัด โดยเฉพาะ “ดื่มไม่ขับ” “โทร.ไม่ขับ” และการไม่ขับรถในขณะร่างกายอ่อนเพลีย รวมทั้งระมัดระวังการจุดธูปเทียนบูชา หรือเผากระดาษเซ่นไหว้ การใช้เครื่องไฟฟ้าหรือแก๊สหุงต้ม เมื่อออกจากบ้านควรถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าและดับไฟที่จุดบูชาหรือเผากระดาษเซ่นไหว้ให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัย และหลีกเลี่ยงการจุดประทัด ดอกไม้เพลิง ในลักษณะที่ก่อให้เกิดอันตรายหรือก่อความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้อื่น หากเกิดฉุกเฉินหรือพบเบาะแสอาชญากรรมให้แจ้งแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทุกสถานีตำรวจโดยด่วนเพื่อป้องกันการเกิดเหตุอาชญากรรมที่อาจจะเกิดขึ้น