ผบก.น.6 ระบุ ไม่นิ่งนอนใจทำคดี 5 คนร้ายจ้องบึ้มป่วนชุมนุมพันธมิตรฯ ยันไม่ทิ้งคดี สั่งเร่งสอบขยายผลหาต้นตอ ขณะที่ “นายพล” ที่ผู้ต้องหาพาดพิงว่าเป็นเจ้าของอาวุธ ตรวจสอบไม่มีตัวตน
จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม นายธวัชชัย หรือ ดำ เอี่ยมนาค อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 784 ถ.เจริญนคร แขวงบางลำพูล่าง เขตคลองสาน กทม., นายดร มาตา อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 143 ม.3 ต.นาแส่ง อ.เกาะคา จ.ลำปาง, นายนพคุณ ศรีวงศ์มงคล อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37 ซ.พระราม 2 ซอย 69 แยก 2-8 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม., นายวิวัฒน์ หรือ เซี๊ยะ วัฒนสกุลยิ้ม อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 79/125 ซ.ศิลปเดช ถ.จอมทอง แขวงบางค้อ เขตบางขุนเทียน กทม.และ นายมานัส รันรัตน์ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 77/2 ต.ท่าช้าง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ผู้ต้องหามีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน พ.ศ.2490 มาตรา 4(3) มาตรา 38 และมาตรา 74 และกรณีพกวัตถุระเบิดแสวงเครื่อง เตรียมก่อเหตุบริเวณที่ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมขออำนาจศาลอาญาฝากขังผลัดแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 26 ม.ค.- 6 ก.พ.
วันนี้ (30 ม.ค.) พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบก.น.6 เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวภายหลังจับกุมผู้ต้องหาเตรียมก่อเหตุวางระเบิดภายในการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ว่า ภายหลังจับกุมตำรวจมีการดำเนินการสืบสวนขยายผลหาผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีตลอด ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการสืบสวนจับกุม ข้อมูลใดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเปิดเผยได้ก็จะเปิดเผยให้ทราบ ขอยืนยันว่าตำรวจไม่มีการละทิ้งคดีเหล่านี้แน่นอนมีการทำงานตลอดเพื่อสืบเสาะหาต้นต่อผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดให้ได้
พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวอีกว่า ที่สำคัญ ช่วงนี้ยังเป็นช่วงที่บ้านเมืองยังไม่พ้นช่วงวิกฤติตำรวจจึงต้องดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองด้วยเช่นกัน ลองนึกดูหากตำรวจพลาดขึ้นมาไม่สามารถจับคนร้ายได้และมันจะเป็นอย่างไร
พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวว่า ส่วนนาย “พล” ที่ผู้ต้องพลาดพิงว่าเป็นผู้นำของกลางมาให้นั้น จากการสืบสวนพบว่า คนที่ชื่อนายพล ไม่มีตัวตน และยังไม่ทราบว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้อง ซึ่งตำรวจจะสืบสวนหาข่าวและจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป