โจรในคราบทหาร รุมทำร้ายก่อนฉก จยย.ประชาชน

สองโจรแต่งชุดทหารครึ่งท่อน ขี่ จยย.ชนท้ายคู่กรณีก่อนรุมชกต่อยจนอ่วม แถมฉกทรัพย์สิน แล้วยังซิ่ง จยย.ของผู้เสียหายไปด้วย

วันนี้ (28 ม.ค.) เมื่อเวลา 16.00 น. ร.ต.ท.หญิง นฤมล ฉาบแก้ว พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.เตาปูน รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกายและชิงทรัพย์ หน้ากรมการทหารสื่อสาร ถนนทหาร แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนและเจ้าหน้าที่สายตรวจ สน.เตาปูน

ที่เกิดเหตุพบ นายอาคม คล้ายทอง อายุ 33 ปี อาชีพค้าขาย อยู่บ้านเลขที่ 26/55 ซองวัดเชิงกระบือ ต.บางกรวย อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ผู้เสียหาย ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้ขี่จักรยานยนต์ฮอนด้า รุ่นคลิก ไอ สีน้ำเงิน-ดำ หมายเลขทะเบียน ษตฉ 875 กรุงเทพมหานคร มาจากบ้านเพื่อจะไปหาเพื่อนย่านพระราม 9 เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุฝั่งตรงข้ามกรมการทหารสื่อสารเห็นรถคันหน้าจอดให้คนข้ามทางม้าลายตนจึงหยุดรถให้คนข้ามด้วย แต่แล้วจู่ๆ ก็มีจักรยานยนต์ฮอนด้ารุ่นคลิก สีส้ม ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน คนขี่สวมชุดทหารครึ่งท่อน และจักรยานยนต์ฮอนด้า โซนิก สีขาว ทะเบียนจำได้เพียง 493 กรุงเทพมหานคร คนขี่สวมชุดทหารลายพราง ติดป้ายชื่อที่หน้าอกชื่อ ธนพล ทั้งคู่อายุประมาณ 35 ปี ตามหลังมาแล้วจักรยานยนต์ฮอนด้า คลิก สีส้ม ก็มาชนท้ายรถตนจนล้มลง โดยทั้งคู่มีกลิ่นสุราคละคลุ้ง จากนั้นทั้งคู่ก็เข้ามารุมชกตนอย่างไม่ยั้งจนตนได้รับบาดเจ็บที่ปากและศีรษะแตก

นายอาคมกล่าวอีกว่า ตนวิ่งหนีเข้าไปขอความช่วยเหลือในกรมการทหารสื่อสาร พอทหารทั้งคู่เห็นตนวิ่งหนีไปก็เดินไปค้นรถของตนและรื้อข้าวของใต้เบาะกระจุยกระจาย ก่อนจะขี่รถหลบหนีไป จากนั้นทั้งคู่ก็กลับมาอีก แต่เที่ยวนี้ขี่จักรยานยนต์ฮอนด้า โซนิค สีขาว มาเพียงคันเดียว เมื่อมาถึงคนสวมชุดลายพรางก็กระโดดลงจากรถแล้วมาขี่รถของตนออกไปอย่างหน้าตาเฉย ตนพยายามวิ่งไล่ตามแต่ก็ไม่ทันจึงรีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบทันที

ด้าน ร.ต.ท.หญิง นฤมล กล่าวว่า เบื้องต้นได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดหน้ากรมการทหารสื่อสารแล้ว แต่กล้องจับภาพไปไม่ถึงตรงจุดที่เกิดเหตุทำให้ไม่เห็นหน้าของคนร้าย แต่มีพยานที่อยู่ร้านอาหารใกล้จุดเกิดเหตุเห็นเหตุการณ์หลายคน ซึ่งให้การตรงกันว่าผู้ก่อเหตุเป็นทหารแต่ยังไม่ทราบว่าอยู่ในสังกัดใด หลังจากนี้จะให้ผู้เสียหายไปสเกตช์ภาพคนร้าย เบื้องต้นน่าจะเข้าข่ายลักทรัพย์ หรือชิงทรัพย์ แต่อย่างไรก็ตามจะต้องสอบปากคำผู้เสียหายและพยานอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป