ยกฟ้อง บก.ผู้จัดการ ศาลอุทธรณ์ชี้ชัดไม่หมิ่นประมาทส่วยอาบอบนวด

ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง บก.ผู้จัดการ ไม่ผิดหมิ่นประมาทส่วยอาบอบนวด ระบุ อาชีพสื่อมวลชน มีหน้าที่แสดงความคิดเห็นไปตามข้อเท็จจริง มีพระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ.2550 ให้ความคุ้มครอง ส่วน “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จำคุก 2 เดือน ปรับ 4,000 บาท โทษจำคุกรอการลงโทษกำหนด 2 ปี

วันนี้ (28 ม.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น.ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีที่ พล.ต.ต.ไพบูลย์ อาริยวัฒน์ อดีตผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) นายตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์ บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณาบริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีต ส.ส.สัดส่วนพรรคชาติไทย เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา

โจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 26-27 ก.ค.2546 เวลากลางวัน จำเลยที่ 3 ซึ่งขณะนั้นประกอบธุรกิจอาบอบนวด ได้เข้าพบ พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ นิลคูหา อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ว่า มีตำรวจนายพล 2 นาย สังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล มีพฤติกรรมรับส่วย อาบ อบ นวด ทำให้โจทก์ซึ่งเป็นอดีตผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ต่อมาได้มีการลงข่าวในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.การพิมพ์ พ.ศ.2484 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 48

คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษา จำคุกจำเลยที่ 2 เป็นเวลา 6 เดือนปรับ 60,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 3 จำคุก 3 เดือน ปรับ 6,000 บาท แต่คำให้การเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 เป็นเวลา 4 เดือน ปรับ 40,000 บาท จำเลยที่ 3 จำคุก 2 เดือน ปรับ 4,000 บาท จึงให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนดคนละ 2 ปี ส่วนจำเลยที่ 1ได้ยกฟ้องและจำหน่ายคดีออกจาสารบบตั้งแต่ชั้นไต่สวนแล้ว

โดยศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยที่ 2 ประกอบอาชีพสื่อมวลชน มีหน้าที่แสดงความคิดเห็นไปตามข้อเท็จจริง ประกอบกับมีพระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ.2550 ให้ความคุ้มครองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ จึงพิพากษาแก้ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 ส่วนจำเลยที่ 3 ให้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น

สำหรับ พล.ต.ต.ไพบูลย์ อาริยวัฒน์ นั้น เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 20 (นรต.20) รุ่นเดียวกับพล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ อดีต ผบ.ตร.และดำรงตำแหน่ง ผบก.น.5 ในสมัยที่ พล.ต.อ.สันต์เป็น ผบ.ตร.ด้วย