รวบ จยย.รับจ้างเสื้อแดง หิ้วทีเอ็นทีจ้องบึ้มป่วนเมือง ใกล้เวทีพันธมิตรฯ ชุมนุม เค้นสอบสารภาพรับจ้างมาป่วนการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ วันพรุ่งนี้ ขณะที่ ตร.ขยายผลจับผู้ร่วมขบวนการเพิ่มอีก 4 คน คาบ้านเช่าย่านบางมด พบเครื่องยิงจรวดอาร์พีจี-เอ็ม 79 และกระสุนอีกจำนวนมาก ขณะที่ “อัศวิน” ระบุจรวดอาร์พีจีชนิดเดียวกับที่ยิง ก.กลาโหม ด้าน ผบช.น.ยันเป้าหมายหวังบึ้มพันธมิตรฯ แถมพบวงจรระเบิดเชื่อมโยงเหตุระเบิดที่บิ๊กซีราชดำริ-สน.ลุมพินี-มหาชัย
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “นายจตุพร ยอดศิลป์” ผู้สื่อข่าว ASTV ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (24 ม.ค.) เมื่อเวลา 16.00 น. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบก.น.6 เปิดเผยว่า การ์ดกลุ่มพันธมิตรฯได้จับกุมชายต้องสงสัย 1 คน ได้บริเวณสะพานมัฆวานฯ ส่งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.นางเลิ้ง พร้อมกับตรวจค้นภายในร่างกาย พบระเบิดแสวงเครื่อง 2 ลูก ชนิดตั้งเวลา
ทั้งนี้ เบื้องต้นจากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับการสารภาพว่าได้รับว่าจ้างมาให้ป่วนการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ในวันพรุ่งนี้
จากนั้น พล.ต.ต.สุวัฒน์กล่าวว่า ได้จัดการให้ฝ่ายสอบสวนของ บก.น.6 สอบขยายผลเข้าไปจนสามารถจับกุมชาย 4 คน ภายในบ้านเช่าหลังหนึ่งย่านบางมด ตรวจค้นพบอาวุธที่ใช้เตรียมก่อเหตุเป็นเครื่องยิงจรวดอาร์พีจี พร้อมกระสุนจำนวนมาก และปืนเอ็ม 79 พร้อมกระสุนจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าในวันพรุ่งนี้ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น.จะมีการแถลงข่าวอีกครั้งหนึ่ง
มีรายงานแจ้งว่า กลุ่มชายต้องสงสัยทั้ง 5 คน ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับตัวได้นั้น เป็นการ์ดของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)
ต่อมาเวลา 20.00 น. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ที่ปรึกษา (สบ 10) เดินทางมาสอบปากคำผู้ต้องหาที่จับตัวได้ด้วยตนเองที่ บก.น.6
เวลา 22.00 น. ภายหลัง พล.ต.อ.อัศวิน ที่เดินทางมาร่วมสอบปากคำผู้ต้องหา เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 17.20 น.ชุดสืบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้จับกุมนายธวัชชัย เอี่ยมนาค อายุ 37 ปี อาชีพขับจักรยานยนต์รับจ้าง วินเจริญนคร 28 ได้ขณะที่ขับขี่จักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า นูโว หมายเลขทะเบียน สยบ676 กทม. ตรวจค้นภายในตัวพบระเบิดแสวงเครื่อง เป็นระเบิดทีเอ็นทีน้ำหนัก 1 ปอนด์ จุดชนวนด้วยการตั้งเวลาประกอบเรียบร้อยพร้อมวางก่อเหตุ ขณะที่อีก1 ลูกเป็นระเบิดแสวงเครื่องยังไม่ได้ประกอบ มีพลุส่องสว่าง ประกอบเชื้อปะทุไฟฟ้า จุดชนวนด้วยโทรศัพท์โนเกีย 3310 โดยจับกุมตัวได้ที่บริเวณแยกสวนมิกสวัน จากนั้นได้ทำการสืบสวนขยายผลผู้ร่วมขบวนการที่บ้านเช่าไม่มีเลขที่กลางซอยพระราม 2 ซอย 28 ในบ้านพักพบเครื่องยิงจรวดอาร์พีจี 1 กระบอก ลูกยิงอาร์พีจี 3 ลูก ลูกระเบิดเอ็ม 79 จำนวน 34 ลูก เครื่องกระสุนอีกหลายรายการ ก่อนนำผู้ต้องหามาสอบปากคำ
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า จะนำระเบิดไปวางที่บริเวณด้านหลังทำเนียบรัฐบาล บริเวณน้ำพุ ริมคลองผดุงกรุงเกษม แต่เนื่องจากมีการวางแผงเหล็กและรั้วลวดหนามกั้น คนร้ายจึงเปลี่ยนใจไปวางอีกจุดหนึ่ง ก่อนที่จะถูกเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมตัว
พล.ต.อ.อัศวินกล่าวต่ออีกว่า กรณีที่เกิดขึ้นก็แสดงให้เห็นว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และพระสยามเทวาธิราชมีจริง ที่ยังปกปักรักษาคุ้มครองคนไทยให้รอดพ้นจากเหตุการณ์ร้ายแรง อย่างไรก็ตาม ระเบิดอาร์พีจีที่ยึดได้เป็นชนิดเดียวกับที่ยิงกระทรวงกลาโหม ก่อนหน้านี้อีกด้วย
ด้าน พล.ต.ท.จักรทิพย์กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นการทำงานร่วมกันของกองบัญชาการตำรวจนครบาล -บก.น.6 ร่วมกับชุดสืบสวนของ พล.ต.อ.อัศวิน สามารถจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาที่เตรียมก่อเหตุบริเวณใกล้กับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ซึ่งจากการตรวจสอบวงจรระเบิดจากผู้เชี่ยวชาญพบว่ ามีความเชื่อมโยงกับระเบิดป่วนกรุงหลายจุดใน กทม. ที่ห้างบิ๊กซี ราชดำริ ระเบิดที่ สน.ลุมพินี และระเบิดที่มหาชัย จ.สมุทรสาคร ซึ่งหลังจากนี้จะมีการขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนต่อไป
พล.ต.ท.จักรทิพย์กล่าวว่า ปกติลักษณะการก่อเหตุของคนร้าย เชื้อปะทุไฟฟ้าและโทรศัพท์จะไม่อยู่รวมกัน แต่กรณีนี้อยู่รวมกันเพราะว่าเป้าหมายเพียงอย่างเดียว คือ การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งหลังจากนี้ได้สั่งการให้ บก.น.1-9 ตั้งด่านตรวจเข้ม เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ไม่ประสงค์ดีมาสร้างสถานการณ์
พล.ต.ท.จักรทิพย์กล่าวอีกว่า กลุ่มของผู้ต้องหาครั้งนี้เป็นลักษณะของเซกันด์บอมบ์ ก็คือมีการนำระเบิดลูกแรกไปวางก่อนเพื่อให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ จากนั้น 30 นาทีก็จะมีการจุดชนวนระเบิดลูกที่ 2 ซึ่งก็จะทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ
พล.ต.ต.สุวัฒน์กล่าวว่า ชุดสืบสวนได้มีการแกะรอยมานาน และทราบว่าผู้ต้องหาจะมาก่อเหตุบริเวณใกล้ทำเนียบรัฐบาล โดยสามารถจับกุมได้ขณะผู้ต้องหาเตรียมก่อเหตุ สอบสวนผู้ต้องหายอมรับตั้งใจมาก่อเหตุบริเวณหลังทำเนียบฯ แล้วเปลี่ยนใจย้ายจุดมาวางที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ก่อนจะถูกจับกุม ทั้งนี้ผู้ต้องหารับไม่ใช่เรื่องส่วนตัว และตั้งใจสร้างสถานการณ์ แต่จะหวังผลอะไรให้สอบถามผู้ต้องหาเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่าคนร้ายประสงค์ต่อชีวิตหรือไม่ พล.ต.ต.สุวัฒน์กล่าวว่า หากพิจารณาพฤติการณ์ของคนร้าย คือ ลูกแรกมีการวางระเบิดตั้งเวลา 30 นาที ซึ่งหากเกิดระเบิดขึ้นจะมีรัศมีทำลายล้าง 10 เมตร หากมีประชาชนอยู่ใกล้อาจทำให้เกิดการสูญเสีย ส่วนลูกที่ 2 จะมีการวางใกล้กับจุดที่เกิดเหตุเพื่อให้เกิดระเบิดซ้ำ หากอยู่ใกล้ก็จะได้รับอันตรายถึงชีวิตได้เช่นกัน หลังจากนี้จะให้เจ้าหน้าที่ พฐ.เข้าตรวจสอบวัตถุระเบิดดังกล่าวอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับอาวุธที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมได้นั้น ประกอบด้วย ลูกยิงอาร์พีจี จำนวน 3 นัด, เครื่องยิงอาร์พีจี 1 กระบอก, ดินขับ 3 ชุด, ตัวชนวน 4 อัน, กระสุนซ้อมยิงใช้กับปืนขนาด 20 มม.จำนวน 2 นัด, ลูกระเบิดขนาด 40 มม. เป็นแบบลูกปราย 3 นัด แบบเจาะเกราะ 4 นัด แบบสังหาร 27 นัด ซึ่งใช้กับเอ็ม 79, กระสุนขนาด 7.62 ใช้กับปืนอาก้า 23 นัด, กระสุนขนาด 5.56 ใช้กับเอ็ม 16 จำนวน 115 นัด, กระสุนแบบเอ็ม 60 ขนาด 7.62 จำนวน 35 นัด, กระสุนปืนคาร์บิน 117 นัด และรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีเขียว หมายเลขทะเบียน บท-4330 ลำปาง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อผู้ต้องหา ทั้ง 5 คน ประกอบด้วย
1.นายธวัชชัย หรือดำ เอี่ยมนาค อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 784 ถ.เจริญนคร แขวงบางลำภูล่าง เขตคลองสาน กทม.
2.นายดร มาตา อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 143 ม.3 ต.นาแส่ง อ.เกาะคา จ.ลำปาง
3.นายนพคุณ ศรีวงศ์มงคล อายุ 60 ปี อยู่บ้านลขที่ 37 ซ.พระราม 2 ซอย 69 แยก 2-8 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม.
4.นายวิวัฒน์ หรือเซี๊ยะ วัฒนสกุลยิ้ม อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 79/125 ซ.ศิลปเดช ถ.จอมทอง แขวงบางค้อ เขตบางขุนเทียน กทม.
5.นายมานัส รันรัตน์ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 77/2 ต.ท่าช้าง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้เวลา 10.00 น. ตำรวจจะนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมดแถลงผลการจับกุมอีกครั้งที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล