ศาลอาญายกคำร้องดีเอสไอ ขอถอนประกัน “จตุพร” รอบ 4 ชี้ พฤติการณ์ไม่เข้าข่ายผิดเงื่อนไข แต่กำชับด้วยวาจา ห้ามวิพากษ์วิจารณ์กระบวนการยุติธรรมทั้งหมด เตือน “ตู่” พูดให้ระวังมีมวลชนพร้อมเดินตามระวังคุมไม่อยู่ ด้านทนายแดง ได้ทีขู่ฟ้องกลับ “ธาริต” ปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบ
วันนี้ (20 ม.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ห้องพิจารณา 704 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดพร้อมคู่ความพิจารณาคำร้องที่ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ขอให้ศาลเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราว นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จำเลยที่ 2 คดีร่วมกับแกนนำและแนวร่วม นปช.ก่อการร้าย ครั้งที่ 3 อ้างเหตุกรณีนายจตุพรร่วมชุมนุม นปช.บริเวณราชประสงค์ เมื่อวันที่ 9 ม.ค.54 โดยการใช้โทรศัพท์ติดต่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โฟนอินมายังเวทีการชุมนุม และคำร้องที่ นายจตุพร จำเลยที่ 2 ยื่นคัดค้านการเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราว
เมื่อเริ่มพิจารณา นายธาริต อธิบดีดีเอสไอ แถลงขอเลื่อนการพิจารณาออกไปก่อน เนื่องจากขณะนี้ได้มีการประกาศพระราชกฤษฎีกาเปิดสมัยประชุมสภาในวันพรุ่งนี้แล้ว ซึ่งจำเลยที่ 2 เป็น ส.ส.จะได้รับสิทธิคุ้มครองการดำเนินคดี จึงต้องรอให้ปิดสมัยประชุมโดยผู้ร้องพร้อมจะพยานเข้าไต่สวนต่อไป ขณะที่ นายจตุพร จำเลยที่ 2 แถลงคัดค้าน โดยขอให้ไต่สวนในวันนี้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ดีเอสไอ ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวมาโดยตลอด และทุกครั้งที่มีการปิดสมัยประชุมสภา ซึ่งจำเลยที่ 2 รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม อีกทั้งจำเลยเกรงว่าจะไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.อย่างเต็มที่
ศาลพิจารณาแล้วจึงสอบถามนายจตุพร จำเลยที่ 2 เกี่ยวกับพฤติการณ์ตามคำร้องของดีเอสไอ ว่า เกี่ยวข้องร่วมรู้เห็นกับการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ และการกล่าวปราศรัยของนางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธาน นปช.ในการชุมนุมเมื่อวันที่ 9-10 ม.ค.หรือไม่
นายจตุพร กล่าวว่า ปกติจะโทรศัพท์พูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นประจำโดยปกติอยู่แล้วในฐานะที่เคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา และแนวร่วมเสื้อแดงที่ร่วมต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย โดยการโฟนอินจำไม่ได้ว่าใครจะโทร.หาใครก่อน แต่เมื่อได้คุยโทรศัพท์ พ.ต.ท.ทักษิณ แจ้งว่า อยากกล่าวอวยพรปีใหม่ ซึ่งตนเห็นว่า เป็นเรื่องดีไม่เสียหาย แต่ในการโฟนอินใดๆ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เคยมีใครทราบล่วงหน้ามาก่อน ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะพูดอะไร แต่ทั้งนี้ เมื่อภายหลังตนได้ดูเนื้อหาที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และ นางธิดา กล่าวแล้วไม่เห็นว่าผิดกฎหมาย ส่วนที่คำร้องดีเอสไอ กล่าวหาว่า ตนเป็นบุคคลอันตรายต่อความมั่นคง สังคม และความสงบเรียบร้อยนั้น ก็ไม่เป็นความจริง เพราะตนทำหน้าที่ ส.ส.ในการตรวจสอบรัฐบาลและเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้น ฐานตามรัฐธรรม และที่ผ่านมา ตนรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการทำสำนวนดำเนินคดีของดีเอสไอที่ไม่ปฏิบัติตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญาในการตรวจชันสูตรศพก่อน แต่ส่งสำนวนให้อัยการสั่งคดี ส่วนคดีที่มีการกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่รัฐกระทำผิดกลับส่งสำนวนให้ สตช.พิจารณาประมาณ 10 สำนวน
ขณะที่ศาลได้ชี้แจงให้ นายจตุพร ทราบว่า รู้สึกไม่สบายใจที่มีการกล่าวอ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการยุติธรรมบ่อยครั้ง และมีการปฏิบัติ 2 มาตรฐาน ซึ่งกระบวนการยุติธรรมประกอบหลายส่วนทั้งพนักงานสอบสวน ดีเอสไอ อัยการ และศาล โดยศาลได้ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ดังนั้น ขอให้รอดูการพิจารณาคดีในชั้นศาลด้วย เพราะที่ผ่านมาตัวอย่างคดีหมิ่นประมาทที่จำเลยที่ 2 ถูกฟ้องศาลก็ให้ความเป็นธรรมในการเปลี่ยนองค์คณะ
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า นายจตุพร จำเลยที่ 2 ยอมรับว่า มีพฤติการณ์ตามที่ผู้ร้องกล่าวหาในบางข้อ ศาลเห็นว่ามีข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะวินิจฉัยได้ โดยไม่ต้องไต่สวนพยานเพิ่ม
ต่อมาเมื่อเวลา 16.15 น.ศาลได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำสั่ง โดยพิจารณาแล้วเห็นว่า พฤติการณ์ของจำเลยที่ 2 ยังไม่ถึงขั้นที่จะเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินคดีในชั้นศาล จึงไม่เป็นการผิดเงื่อนไขการประกันตัวที่ศาลกำหนดไว้เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.53 ให้ยกคำร้องของดีเอสไอ แต่ทั้งนี้ศาลกำชับให้จำเลยที่ 2 ปฏิบัติตามเงื่อนไขด้วย
ขณะที่ศาลได้กล่าวชี้แจงว่า เดิมองค์คณะจะพิจารณากำหนดเงื่อนไขเพิ่ม ห้ามจำเลยที่ 2 วิพากษ์วิจารณ์กระบวนการยุติธรรม แต่เมื่อหารือกับผู้บริหารศาลอาญาแล้ว เห็นว่า เงื่อนไขเดิมที่ศาลกำหนดไว้เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.53 ห้ามจำเลยที่ 2 ให้สัมภาษณ์กระทบต่อการดำเนินคดี ที่หมายถึงศาล และกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว จึงไม่กำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติม แต่จำเลยที่ 2 ต้องไม่วิพากษ์วิจารณ์ถึงกระบวนการยุติธรรมทั้งหมดซึ่ง ศาลก็เป็นหนึ่งในกระบวนการยุติธรรมด้วย ขณะที่จำเลยที่ 2 เป็นแกนนำสำคัญ ที่เมื่อพูดอะไรแล้วมีประชาชนหลายล้านรับฟังและพร้อมที่จะปฏิบัติตาม ถึงแม้ว่าจำเลยที่ 2 จะระบุว่าไม่อยากให้เกิดผลกระทบ แต่บางครั้งสภาพแวดล้อมก็ทำให้มีการกระทำออกไป ดังนั้นหากจำเลยที่ 2 จะกล่าวอะไรก็ให้คำนึงด้วยว่าจะมีเหตุอะไรเกิดขึ้น เพราะเมื่อเกิดเหตุแล้วจำเลยที่ 2 อาจควบคุมไม่ได้ ขณะที่ก่อนหน้านี้ศาลได้พูดกับจำเลยแล้วว่า ไม่สบายใจที่มีการกล่าวว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม มี 2 มาตรฐาน ซึ่งหากวันนี้ศาลสั่งถอนประกันก็จะถูกวิจารณ์ ขณะที่ศาลให้ความเป็นธรรมกับจำเลยแล้วก็ต้องให้ความเคารพศาลและกระบวนการยุติธรรมด้วย
ภายหลังศาลมีคำสั่งแล้ว นายคารม พลทะกลาง ทนายความของนายจตุพร กล่าวว่า เตรียมที่จะยื่นฟ้อง อธิบดีดีเอสไอ ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตามมาตรา 157 ด้วย