เจ้าของบริษัททัวร์กลายเป็นศพอืด ลิ้นจุกปากคาห้อง พบสามีชาวอินเดียเผ่นกลับเมืองภารตะ พร้อมถอนเงินที่ลูกทัวร์โอนเข้ามาให้ 1.3 ล้านบาทไปด้วย ตำรวจเชื่อ ปมฆาตกรรม สั่งเช็กเส้นทางออกนอกประเทศสามีอินเดียที่เบื้องต้นคาดว่าน่าจะเป็นฆาตกรแล้ว
วันนี้ (20 ม.ค.) เมื่อเวลา 12.30 น. ร.ต.ท.วรวรรธณ์ จันทร์ชู ร้อยเวร สน.บางรัก รับแจ้งเหตุพบศพผู้เสียชีวิตภายในบ้านเลขที่ 92/12 ซ.เจริญกรุง 45 แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กทม.จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ และรุดตรวจไปสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.เอกชัย บุญวิสุทธิ์ ผกก.สน.บางรัก พ.ต.อ.จำลองสว่างวงศ์ ผกก.สส.บก.น.6 เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุเป็นตึกแถวสองชั้น เปิดเป็นบริษัททัวร์ท่องเที่ยวประเทศอินเดีย บริเวณโซฟาชั้นล่างพบศพ นางรัชนี เมฆาธานินทร์ อายุ 44 ปี อยู่เลขที่ 2042/13 ถนนจันทน์ แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กทม.สภาพศพสวมเสื้อเชิ้ตสีเนื้อ นุ่งกางเกงยีนสีดำ นอนอยู่ในสภาพขึ้นอืด ลิ้นจุกปาก คาดว่า เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 3 วัน ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง นอกจากนี้ ยังพบว่าภายในบ้านข้าวของถูกรื้อกระจัดกระจาย และมีการเปิดเครื่องปรับอากาศทิ้งไว้
น.ส.เพ็ญนภา จิตรมงคลเจริญ อายุ 36 ปี ผู้ดูแลตึกแถวดังกล่าวให้การว่า ผู้ตายมาเช่าตึกแถวห้องดังกล่าวเพื่อเปิดเป็นบริษัททัวร์ ได้ประมาณ 1 ปีแล้ว โดยอาศัยอยู่กับสามีที่ทราบชื่อเพียงว่า นายจิมมี่ เป็นชาวอินเดีย โดยบริษัททัวร์ของทั้งคู่จะหาลูกค้าทางอินเทอร์เน็ต เพราะปกติมักจะปิดบ้าน ไม่ออกมาสุงสิงกับใครในละแวกดังกล่าว มีผู้พบเห็นนางรัชนีครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา กระทั่งช่วงเช้าวันที่ 18 ม.ค.มีผู้พบเห็นนายจิมมี่เดินลากกระเป๋าเดินทางออกจากบ้านพัก และล็อกกุญแจประตู้บ้านจากด้านนอก ตนคิดว่าคงเดินทางไปทำธุระ จึงไม่มีใครติดใจสงสัยอะไร
น.ส.เพ็ญนภา กล่าวอีกว่า ต่อมาวันที่ 19 ม.ค.มีคนประมาณ 5 คนมาหาที่บริษัทดังกล่าว จึงเข้าไปสอบถามจนทราบว่าเป็นลูกทัวร์ที่โอนเงินให้บริษัทดังกล่าวเป็นจำนวนเงิน 1.3 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศอินเดีย แต่ไม่สามารถติดต่อผู้ตาย หรือสามีได้ จึงมาดูที่บริษัทแต่เห็นปิดประตูอยู่จึงกลับไป กระทั่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา มารดาของนางรัชนีมาติดต่อขอให้ช่วยเปิดบ้านที่เกิดเหตุ เนื่องจากไม่สามารถติดต่อลูกสาวได้หลายวันแล้วเกรงว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้น จึงให้ชาวบ้านข้างเคียงมาช่วยกันงัดประตู เมื่อเปิดเข้าไปดูก็พบว่านางรัชนี เสียชีวิตดังกล่าว
ด้าน พ.ต.อ.จำลอง สว่างวงศ์ ผกก.สส.น.6 กล่าวว่า คาดว่า ผู้ตายน่าจะถูกฆาตกรรม เนื่องจากศพผู้ตายมีสภาพลิ้นจุกปากคล้ายถูกบีบคอ ประกอบกับสามีผู้ตายได้หายตัวไป เบื้องต้นจากการประสานเจ้าหน้าที่ ตม.ทราบว่า สามีผู้ตายออกนอกประเทศไปยังประเทศอินเดียแล้ว นอกจากนั้น ยังตรวจสอบพบว่า เงินในบัญชีของบริษัททัวร์ดังกล่าว พบว่า มีการถอนเงินออกไปจำนวน 1.3 ล้านบาท เท่ายอดเงินที่ลูกทัวร์โอนให้ แต่อย่างไรก็ตาม จะต้องส่งศพผู้ตายไปผ่าพิสูจน์ที่สถาบันนิติเวชเพื่อหาสาเหตุการตายอย่างละเอียดอีกครั้ง และขณะนี้ฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างการนำรูปถ่ายของนายจิมมี่ไปประสานงานกับเจ้าหน้าที่ สตม.สนามบินสุวรรณภูมิเพื่อหาข้อมูลว่าเดินทางออกนอกประเทศไปเมื่อไร และเที่ยวบินอะไร เพื่อติดตามตัวสามีผู้ตายมาสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
วันนี้ (20 ม.ค.) เมื่อเวลา 12.30 น. ร.ต.ท.วรวรรธณ์ จันทร์ชู ร้อยเวร สน.บางรัก รับแจ้งเหตุพบศพผู้เสียชีวิตภายในบ้านเลขที่ 92/12 ซ.เจริญกรุง 45 แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กทม.จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ และรุดตรวจไปสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.เอกชัย บุญวิสุทธิ์ ผกก.สน.บางรัก พ.ต.อ.จำลองสว่างวงศ์ ผกก.สส.บก.น.6 เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุเป็นตึกแถวสองชั้น เปิดเป็นบริษัททัวร์ท่องเที่ยวประเทศอินเดีย บริเวณโซฟาชั้นล่างพบศพ นางรัชนี เมฆาธานินทร์ อายุ 44 ปี อยู่เลขที่ 2042/13 ถนนจันทน์ แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กทม.สภาพศพสวมเสื้อเชิ้ตสีเนื้อ นุ่งกางเกงยีนสีดำ นอนอยู่ในสภาพขึ้นอืด ลิ้นจุกปาก คาดว่า เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 3 วัน ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง นอกจากนี้ ยังพบว่าภายในบ้านข้าวของถูกรื้อกระจัดกระจาย และมีการเปิดเครื่องปรับอากาศทิ้งไว้
น.ส.เพ็ญนภา จิตรมงคลเจริญ อายุ 36 ปี ผู้ดูแลตึกแถวดังกล่าวให้การว่า ผู้ตายมาเช่าตึกแถวห้องดังกล่าวเพื่อเปิดเป็นบริษัททัวร์ ได้ประมาณ 1 ปีแล้ว โดยอาศัยอยู่กับสามีที่ทราบชื่อเพียงว่า นายจิมมี่ เป็นชาวอินเดีย โดยบริษัททัวร์ของทั้งคู่จะหาลูกค้าทางอินเทอร์เน็ต เพราะปกติมักจะปิดบ้าน ไม่ออกมาสุงสิงกับใครในละแวกดังกล่าว มีผู้พบเห็นนางรัชนีครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา กระทั่งช่วงเช้าวันที่ 18 ม.ค.มีผู้พบเห็นนายจิมมี่เดินลากกระเป๋าเดินทางออกจากบ้านพัก และล็อกกุญแจประตู้บ้านจากด้านนอก ตนคิดว่าคงเดินทางไปทำธุระ จึงไม่มีใครติดใจสงสัยอะไร
น.ส.เพ็ญนภา กล่าวอีกว่า ต่อมาวันที่ 19 ม.ค.มีคนประมาณ 5 คนมาหาที่บริษัทดังกล่าว จึงเข้าไปสอบถามจนทราบว่าเป็นลูกทัวร์ที่โอนเงินให้บริษัทดังกล่าวเป็นจำนวนเงิน 1.3 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศอินเดีย แต่ไม่สามารถติดต่อผู้ตาย หรือสามีได้ จึงมาดูที่บริษัทแต่เห็นปิดประตูอยู่จึงกลับไป กระทั่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา มารดาของนางรัชนีมาติดต่อขอให้ช่วยเปิดบ้านที่เกิดเหตุ เนื่องจากไม่สามารถติดต่อลูกสาวได้หลายวันแล้วเกรงว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้น จึงให้ชาวบ้านข้างเคียงมาช่วยกันงัดประตู เมื่อเปิดเข้าไปดูก็พบว่านางรัชนี เสียชีวิตดังกล่าว
ด้าน พ.ต.อ.จำลอง สว่างวงศ์ ผกก.สส.น.6 กล่าวว่า คาดว่า ผู้ตายน่าจะถูกฆาตกรรม เนื่องจากศพผู้ตายมีสภาพลิ้นจุกปากคล้ายถูกบีบคอ ประกอบกับสามีผู้ตายได้หายตัวไป เบื้องต้นจากการประสานเจ้าหน้าที่ ตม.ทราบว่า สามีผู้ตายออกนอกประเทศไปยังประเทศอินเดียแล้ว นอกจากนั้น ยังตรวจสอบพบว่า เงินในบัญชีของบริษัททัวร์ดังกล่าว พบว่า มีการถอนเงินออกไปจำนวน 1.3 ล้านบาท เท่ายอดเงินที่ลูกทัวร์โอนให้ แต่อย่างไรก็ตาม จะต้องส่งศพผู้ตายไปผ่าพิสูจน์ที่สถาบันนิติเวชเพื่อหาสาเหตุการตายอย่างละเอียดอีกครั้ง และขณะนี้ฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างการนำรูปถ่ายของนายจิมมี่ไปประสานงานกับเจ้าหน้าที่ สตม.สนามบินสุวรรณภูมิเพื่อหาข้อมูลว่าเดินทางออกนอกประเทศไปเมื่อไร และเที่ยวบินอะไร เพื่อติดตามตัวสามีผู้ตายมาสอบสวนดำเนินคดีต่อไป