กองปราบฯ รวบหนุ่มพังงาหนีคดีฆ่าคู่อริ เจ้าตัวรับแค้นถูกถีบจนรถล้มจึงชักปืนยิงเสียชีวิต เผยการจับกุมดังกล่าวนับเป็นรายแรกหลังจากตั้งสำนักบังคับคดีอาญา ซึ่งมีคดีต้องสะสางกว่า 2 แสนคดี
วันนี้ (11 ม.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 18.30 น.พ.ต.อ.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต รอง ผบก.ป.พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท.จีรเดชน์ เหมจินดา รอง ผกก.2 บก.ป.และ พ.ต.ท.ต่อศักดิ์ ปานกลิ่นพุฒ สว.กก.2 บก.ป.พร้อมด้วย พ.อ.เฟื่องวิชช์ อนิรุทธเทวา เลขานุการ รมว.ยุติธรรม ร่วมแถลงข่าวจับกุม นายอภินันท์ หรือเอ็ม แสงทอง อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35/2 หมู่ 3 ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพังงา ที่ ส.19/2553 ลงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร จับกุมได้ที่ริมถนนพหลโยธิน หน้าบริษัท ซีพีเมจิ จำกัด ต.หนองนาก อ.หนองแค จ.สระบุรี
พ.ต.อ.นัยวัฒน์กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก นายอำพล วงศ์ศิริ รักษาการ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กระทรวงยุติธรรม ได้ประสานขอให้ตำรวจ บก.ป.ช่วยสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิง นายวีรพล วงษ์จักษุ อายุ 19 ปี เสียชีวิต เหตุเกิดที่บริเวณหน้าธนาคารออมสิน สาขาโคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2553 ต่อมาชุดสืบสวน กก.2 บก.ป.ลงพื้นที่สืบสวนกระทั่งพบว่านายอภินันท์ หนึ่งในผู้ต้องหาได้หลบหนีคดีมาทำงานเป็นพนักงานบรรจุสินค้าของบริษัทดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงวางแผนเข้าจับกุมตัวไว้ได้
สอบสวนนายอภินันท์ ผู้ต้องหารับสารภาพว่า ลงมือก่อเหตุยิงผู้เสียชีวิตจริง ส่วนสาเหตุเกิดจากปัญหาทะเลาะวิวาทเนื่องจากเกิดเขม่นกัน โดยช่วงเกิดเหตุผู้เสียชีวิตได้เท้าถีบรถจักรยานยนต์ของตนจนล้ม จึงเกิดบันดาลโทสะขับรถไล่ตามไป ก่อนจะใช้อาวุธปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ ยิงใส่จนเสียชีวิต
“ผมไม่เคยรู้จักกับผู้ตายมาก่อน ส่วนช่วงก่อนหน้านี้เคยเรียนในระดับชั้น ปวช.ปี 3 อยู่ที่วิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ.พังงา แต่เรียนไม่จบก็ออกมาหางานทำ ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุนั้นได้หาซื้อมาจากคนรู้จักกันและพกไว้เพื่อป้องกันตัว หลังก่อเหตุแล้วได้โยนทิ้งไปที่บริเวณสะพานสารสิน” นายอภินันท์กล่าว
ทั้งนี้ ชุดจับกุมได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.โคกกลอย รับไว้ดำเนินคดีต่อไป
ด้าน พ.อ.เฟื่องวิชช์ กล่าวว่า การจับกุมผู้ต้องหารายนี้นับว่าเป็นรายแรกตั้งแต่เริ่มจัดตั้งสำนักบังคับคดีอาญา กระทรวงยุติธรรม ขึ้นมาเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2553 ซึ่งหน่วยงานดังกล่าวมีหน้าที่หลัก คือ การประสานการทำงานร่วมกับตำรวจในการติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่มีหมายจับซึ่งปัจจุบันมีอยู่มากกว่า 2 แสนคดี จึงมีผู้ต้องหาอีกเป็นจำนวนมากที่ยังไม่ถูกจับกุม หลังจากนี้ทางกระทรวงยุติธรรมก็จะบูรณาการการทำงานร่วมกับตำรวจ โดยจะลำดับความสำคัญในการจับกุมผู้ต้องหาคดีที่มีความเร่งด่วน เช่น คดีฆ่าที่มีพฤติการณ์อุกฉกรรจ์ คดียาเสพติดรายสำคัญๆ หรือกรณีที่มีการเข้าร้องเรียนต่อสำนักบังคับคดีอาญาไว้แล้ว
