เล็งแก้ กม.เพิ่มโทษคดีชาวต่างชาติล่วงละเมิดทางเพศเด็ก

“ยุติธรรม” จัดสัมมนาระดมความคิดการดำเนินคดีต่อชาวต่างชาติที่ล่วงละเมิดทางเพศเด็กในประเทศไทย เล็งแก้กฎหมายกำหนดบทลงโทษให้มากขึ้น พร้อมดึงดีเอสไอร่วมแก้ปัญหา ชี้การล่วงละเมิดเด็กในประเทศไทยส่วนใหญ่มักเป็นการทำร้ายร่างกาย

วันนี้ (31 มี.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น.ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม คุณหญิงสุพัตรา มาสดิตถ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และเอกอัคราชทูตสวีเดนประจำเทศไทย ร่วมแถลง การสัมมนาหัวข้อการดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิดชาวต่างชาติในความผิดที่เกี่ยวข้องกับการล่วงละเมิดทางเพศเด็กและเยาวชนในประเทศไทย

นายพีระพันธุ์กล่าวว่า ที่ผ่านมามีปัญหาชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวยุโรปประเทศต่างๆ เดินทางเข้ามากระทำผิดล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กในประเทศไทยจำนวนมาก โดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย เนื่องจากส่วนใหญ่เมื่อถูกจับกุมและได้รับการประกันตัวก็จะหลบหนีแล้วเดินทางออกนอกประเทศไป นอกจากนี้ยังพบว่า ชาวต่างชาติบางส่วนสามารถกลับเข้ามาในประเทศไทยเพื่อกระทำผิดซ้ำอีก โดยเปลี่ยนชื่อ นามสกุลในเอกสารหนังสือเดินทาง หรือพาสปอร์ต

นายพีระพันธุ์กล่าวต่อว่า การกระทำผิดทางเพศต่อเด็กโดยชาวต่างชาติ มี 2 รูปแบบ คือ การข่มขืนกับซื้อบริการทางเพศ ซึ่งประเทศต่างๆ ในยุโรป ให้ความสำคัญและอยากให้ดำเนินคดีกับชาวต่างชาติ เนื่องจากการกระทำผิดทางเพศต่อเด็กมักจะทำกันเป็นเครือข่าย นอกจากนี้ยังพบว่ามีการเผยแพร่ภาพการล่วงละเมิดทางเพศ ทางอินเตอร์เน็ตด้วย ดังนั้น ปัญหาดังกล่าวทุกประเทศจะต้องร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหา และรักษาภาพลักษณ์ของประเทศไทยไม่ให้ถูกมองว่าเป็นสวรรค์หรือเป็นแหล่งของการกระทำผิดทางเพศ โดยจะต้องมีการประสานข้อมูลกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) และพนักงานอัยการ ที่จะต้องนำเสนอข้อมูลและชี้ให้เห็นว่าอาชญากรรมร้ายแรง ไม่ควรรอลงอาญาและให้ประกันตัวโดยง่าย ซึ่งหากจำเป็นก็จะมีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเพื่อกำหนดบทลงโทษให้มากขึ้น

รมว.ยุติธรรม กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ กระทรวงยุติธรรมได้มอบหมายให้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ล่าสุดดีเอสไอสามารถจับกุมชาวอังกฤษ ที่ล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กชาวเขา ได้ที่ จ.เชียงใหม่ พร้อมอุปกรณ์ลามกและยาเสพติด และจากข้อมูลเบื้องต้นทราบว่า การล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กและเยาวชนในประเทศไทย ส่วนใหญ่มักเกิดจากชาวต่างชาติ สำหรับพฤติกรรมของคนไทยที่ละเมิดต่อเด็กมักจะเป็นรูปแบบของการทารุณทำร้ายร่างกายมากกว่า