เผยบอร์ด ตร.ดีดเรื่องสิทธิประโยชน์ ตำรวจ 3 จังหวัดชายแดนใต้ตกมาแล้วหลายรอบ อ้างเหตุกลัวไม่เท่าเทียมตำรวจหน่วยอื่น เผย ศอ.บต. องค์กรแดนใต้เคยชงเรื่อง 2 รอง ผบก.จว.ใต้ให้สิทธิทวีคุณติดยศนายพลแต่ ถูกเมิน ด้านสื่อสายตำรวจ เตรียมแสดงจุดยื่นสวมเสื้ออาลัย “จ่าเพียร” จี้สำนึกหาตัวคนรับผิดชอบ
วันนี้ (22 มี.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีรายงานข่าวแจ้งว่าในเวลา 15.00 น.พรุ่งนี้ (23 มี.ค.) พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) จะเป็นประธานการประชุมเรื่องสิทธิประโยชน์ต่างๆของตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมกับหน่วยที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานกำลังพล กองสวัสดิการ ฯลฯ สำหรับการประชุมเรื่องสิทธิประโยชน์ จังหวัดชายแดนภาคใต้ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก โดยก่อนหน้านี้ ตร.เคยมีการพิจารณามาหลายครั้งแล้ว หลังจากมีมติ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ในปี พ.ศ.2547 ให้สิทธิประโยชน์และปูนบำเหน็จพิเศษแก่ผู้ปฏิบัติงานใน จชต. และตั้งแต่ มีระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยบำเหน็จความชอบสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2550 ใช้บังคับ โดยการพิจารณาเพื่อปรับกฎระเบียบของ ตร.ให้เป็นไปตามระเบียบฯ และมติ ครม.ฉบับนี้ แต่การประชุมที่ผ่านมาทุกครั้งไม่เคยหาข้อยุติได้ โดยมีการให้ความเห็นกันว่าจะเป็นการให้สิทธิประโยชน์ตำรวจใน จชต.มากเกินไป ไม่เท่าเทียมกับตำรวจหน่วยอื่น เป็นผลให้จนถึงขณะนี้ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ ในจชต.จึงยังไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ใดๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยบำเหน็จความชอบสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2550 นั้น ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 124 ตอนที่ 106 ง. ตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค. 50 มีเนื้อหาใจความว่า
เจ้าหน้าที่หรือผู้ที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ตามระเบียบนี้ได้แก่ ข้าราชการ พนักงาน และลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกกองอาสารักษาดินแดนและอาสาสมัครทหารพราน ซึ่งได้รับคำสั่งจากทางราชการให้ปฏิบัติงานในหน้าที่ประจำในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งก็หมายถึงเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอยู่ในจังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดสตูล จังหวัดสงขลาเฉพาะพื้นที่อำเภอเทพา อำเภอสะบ้าย้อย อำเภอนาทวี และอำเภอจะนะ และท้องที่อื่นที่คณะรัฐมนตรีกำหนดให้เป็นจังหวัดชายแดนภาคใต้
ส่วนบำเหน็จความชอบแยกเป็น 2 กรณี ได้แก่ บำเหน็จความชอบที่เป็นตัวเงิน และบำเหน็จความชอบที่มิใช่เป็นตัวเงิน บำเหน็จความชอบที่เป็นตัวเงิน มี 5 ประการ ได้แก่ 1. เงินค่าตอบแทนพิเศษตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนด 2..การเลื่อนเงินเดือนกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนด 3.การประกันชีวิต ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่คณะรัฐมนตรีกำหนด 4.ทุนการศึกษา ฝึกอบรม หรือดูงานทั้งในและต่างประเทศเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือจากกรณีปกติ 5.เงินช่วยเหลือตามที่ คณะกรรมการพิจารณาบำเหน็จความชอบสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ก.บ.จ.ต.) กำหนดแล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ
ขณะที่ บำเหน็จความชอบที่มิใช่เป็นตัวเงิน มี 7 ประการ ได้แก่ 1.การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์เป็นกรณีพิเศษ แก่ผู้มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น หรือกระทำความดีความชอบที่มิได้เป็นผลงานตามปกติที่ต้องกระทำในหน้าที่ และผู้ที่เสียชีวิตหรือทุพพลภาพอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ไม่สงบและมิได้เกิดจากสาเหตุส่วนตัวหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้นั้นเอง เป็นต้น 2.การขอพระราชทานเหรียญราชการชายแดน 3.การยกย่องเชิดชูเกียรติยิ่ง โดยให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ประกาศ ออกเกียรติบัตรและจะให้มีเข็มหรือโล่ยกย่องด้วยก็ได้ตามที่ ก.บ.จ.ต.กำหนด 4.การแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน โดยให้นับระยะเวลาที่ได้ปฏิบัติงานในหน้าที่เป็นทวีคูณ สำหรับใช้ในการคำนวณระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง หรือเคยดำรงตำแหน่งในสายงานที่จะแต่งตั้ง เพื่อประโยชน์ในการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสูงขึ้น ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่องค์กรกลางบริหารงานบุคคลแต่ละประเภทกำหนด โดยมีวัตถุประสงค์ให้หน่วยงานของรัฐสนับสนุนและส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานมีโอกาสก้าวหน้าในตำแหน่ง เพื่อจูงใจมิให้ขอย้ายออกนอกพื้นที่
5.การจัดสรรโควตาพิเศษ สำหรับการคัดเลือกเข้ารับการศึกษาหรือฝึกอบรมหลักสูตรที่หน่วยงานของรัฐเป็นผู้จัดหรือร่วมจัด ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่ ก.บ.จ.ต.กำหนด 6.สิทธิลาพักผ่อนเพิ่มขึ้นอีก 10 วันทำการ 7.สงเคราะห์และช่วยเหลือแก่ทายาทของผู้ปฏิบัติงานที่เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บทุพพลภาพจนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ราชการได้และถูกสั่งให้ออกจากราชการหรือออกจากงาน โดยให้บรรจุทายาทได้ครอบครัวละ 1 คนในหน่วยงานของรัฐต้นสังกัดหรือหน่วยงานอื่นที่ทายาทประสงค์จะขอบรรจุเป็นเจ้าหน้าที่ โดยให้สำนักงาน ก.พ.เป็นผู้ประสานงาน รวมทั้งให้หน่วยงานสงเคราะห์จัดสรรการเข้าศึกษาในสถาบันการศึกษาของรัฐเป็นโควต้าพิเศษสำหรับทายาทของเจ้าหน้าที่ที่เสียชีวิตหรือทุพพลภาพดังกล่าว
ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้ในช่วงที่มีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับ พล.ต.ต. ในตำแหน่งผู้บังคับการ (ผบก.) ถึงรองผู้บัญชาการ นั้น ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และภาครัฐ คณะกรรมการ อิสลามจังหวัด ภาคเอกชนได้ทำหนังสือมายัง ตร.เพื่อ ให้พิจารณารองผู้บังคับการจังหวัดในพื้นที่ จชต.2 นาย ที่ครองตำแหน่งรอง ผบก. ไม่ครบ 3 ปี ตามกฎก.ตร.แต่หากนับอายุทวีคูณตามระเบียบ นี้ก็จะครบหลักเกณฑ์ สามารถขึ้นเป็น ผบก.ได้ ให้ขึ้นเป็น ผบก. แต่ ตร.ก็ไม่พิจารณาโดยอ้างว่าต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ ตร.เท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่ากลุ่มผู้สื่อข่าวประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้สื่อข่าวสายอาชญากรรม กลุ่มหนึ่งได้จัดทำเสื้อยืด พิมพ์ลายที่หน้าอก เป็นกรอบ 4 เหลี่ยม สีดำเขียนข้อความว่า “จ่าเพียร 12 มี.ค. 53” ซึ่งเป็นวันที่ พล.ต.อ.สมเพียร เสียชีวิต ทั้งนี้เพื่อเป็นการไว้อาลัยแก่นายตำรวจคนดังกล่าว และมีการนัดหมายว่าจะสวมเสื้อดังกล่าวมาในการ ทำข่าวการพิจารณาหาผู้บกพร่องในการแต่งตั้งโยกย้าย พ.ต.อ.สมเพียร และการพิจารณาสิทธิประโยชน์ตำรวจในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในวันที่ 23 มี.ค.นี้ ด้วย