นครบาลแถลงจับ 2 ผู้ต้องหาก่อเหตุปาระเบิดใส่ธนาคารกรุงเทพ สาขาสีลม พบเป็น “น้า-หลาน” พวกเสื้อแดง มาแปลกไม่ชอบความรุนแรง แต่ชอบอุดมการณ์เสื้อแดง ตำรวจส่งฝากขังศาลพรุ่งนี้ ค้านประกันตัวเนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ พร้อมสั่งเร่งล่าผู้ต้องหาที่เหลืออีกคน
วันนี้ (7 มี.ค.) เมื่อเวลา 18.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น.พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ พล.ต.ต.วีระพัฒน์ ตันศรีสกุล รองผบช.น. พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ รามสูตร ผบก.สส.บช.น. ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายเอกชัย มูลเกษ อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 67/180 ซ.จันทน์ 23 แยก 17 แขวงทุ่งวัดดอน เขตยานนาวา กทม. ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.123/2553 (ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า นูโว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน) ข้อหาร่วมกันมีเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ทรัพย์สินของผู้อื่น ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน พ.ศ.2490 ร่วมกันทำให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ทรัพย์สินของผู้อื่นตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 84, 217, และ 222 และนายไสว ยางสันเทียะ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 67/180 ซ.จันทน์ 23 แยก 17 แขวงทุ่งวัดดอน เขตยานนาวา กทม. ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.126/2553 ในข้อหาเป็นผู้ใช้จ้างวานหรือยุยงให้บุคคลอื่นให้ร่วมกระทำให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ทรัพย์สินของผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 84, 217 และ 222 พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า นูโว สีเทาดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน 1 คัน โดยจับกุมนายเอกชัยได้ที่ศูนย์การค้าวรรัตน์ ย่านถนนจันทน์ จากนั้นได้ทำการขยายผลจนสามารถจับกุมนายไสวซึ่งเป็นน้าชายได้ที่บ้านพักย่านถนนจันทน์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการที่แถลงข่าวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนไม่มีสีหน้าวิตกกังวล หรือเกรงกลัวต่อความผิดแต่อย่างใด มีการพูดคุยอย่างเปิดเผย บางครั้งติดตลก โดยนายเอกชัยสวมเสื้อแขนยาวสีดำแถบขาว ตัวเดียวกับที่ปรากฏในภาพที่ออกหมายจับ
พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวว่า จากเหตุคนร้ายขว้างปาระเบิดใส่ธนาคารกรุงเทพ สาขาสีลม เมื่อวันที่ 27 ก.พ.2553 เวลาประมาณ 21.20 น. เจ้าหน้าที่จึงได้สืบสวนจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คนมาดำเนินคดีได้ในที่สุด ยังเหลือคนร้ายที่หลบหนีอยู่ 1 คน ซึ่งเป็นคนขว้างปาระเบิด ขณะนี้ศาลอาญากรุงเทพใต้ได้อนุมัติหมายจับที่ 107/2553 ข้อหาร่วมกัน ร่วมกันมีเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ทรัพย์สินของผู้อื่น ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน พ.ศ.2490 ร่วมกันทำให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ทรัพย์สินของผู้อื่นตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 84, 217, และ 222 ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสืบสวนติดตามตัว โดยได้ภาพคนร้ายจากกล้องวงจรปิดในที่ต่างๆ ซึ่งนายเอกชัยก็ยืนยันว่าบุคคลในภาพเป็นบุคคลเดียวกับคนที่ตนเองไปรับจากซอยนราธิวาสราชนครินทร์ 3 ในคืนเกิดเหตุ มาปาระเบิดที่ธนาคารดังกล่าว
พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวว่า ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 คนซึ่งเป็นน้าหลานกัน โดยนายไสว เป็นคนบอกให้นายเอกชัยไปรับพรรคพวกซึ่งเป็นกลุ่มคนเสื้อแดงด้วยกันไปปาระเบิด เบื้องต้นทั้ง 2 คนให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ซึ่งหลังจากแถลงข่าวเสร็จสิ้นจะได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาให้พนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา ไปสอบปากคำต่อ ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนจะได้ค้นบ้านพักของผู้ต้องหาเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมมาประกอบสำนวนคดี โดยในวันพรุ่งนี้ (8) จะนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนไปขออำนาจศาลฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยในเบื้องต้นพนักงานสอบสวนจะยื่นคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ และเป็นที่สนใจของประชาชน ประกอบกับยังมีผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอีก 1 คน ส่วนผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่คาดว่าจะได้ตัวในเร็วๆ นี้
ด้าน นายเอกชัยกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนมีอาชีพเป็นพนักงานร้านไอศกรีมสเวนเซ่นส์ สาขาชั้นใต้ดินอาคารซีพีทาวเวอร์ เหตุที่ทำเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะไม่รู้มาก่อนว่าคนที่น้าให้ไปรับนั้นจะมาก่อเหตุปาระเบิดที่หน้าธนาคารกรุงเทพ หากรู้มาก่อนก็จะไม่ไป เพราะโดยส่วนตัวตนไม่ชอบความรุนแรงอยู่แล้ว แต่ยอมรับว่าชื่นชอบกลุ่มเสื้อแดงจริง ชอบในอุดมการณ์ของกลุ่มคนเสื้อแดง ปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ไม่มีใครใช้จ้างวานให้มาก่อเหตุดังกล่าว ไม่รู้จักกับคนที่ปาระเบิดมาก่อน เพิ่งมารู้จักเป็นครั้งแรก เมื่อได้รับโทรศัพท์จากน้าชายได้ขับจักรยานยนต์ไปยังจุดนัดพบ จากนั้นก็พาชายดังกล่าวซ้อนท้ายจักรยานยนต์มายังธนาคารกรุงเทพ สาขาสีลม ขับวนไปวนมาอยู่ 2-3 รอบ ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าเขาให้วนทำไม แต่มารู้อีกทีเมื่อเขาได้ปาระเบิด และมีเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ก็ตกใจนิดหน่อย หลังจากนั้นได้ไปส่งชายดังกล่าวที่ซอยประมวล ข้าง ร.ร.กรุงเทพคริสเตียน
“หลังจากก่อเหตุเสร็จผมก็กลับบ้านตามปกติ ไปแวะเล่นเกมที่ร้านเกมใกล้บ้าน ระหว่างนั้นก็ติดตามข่าวสารตลอด จนเป็นข่าวใหญ่ก็รู้สึกตกใจ เพราะตำรวจมีการออกหมายจับ แต่ก็ไม่ได้หลบหนีไปไหน ไปทำงานตามปกติ จนถูกจับกุม” นายเอกชัยกล่าว
ด้าน นายไสวกล่าวว่า ตนชื่นชอบกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นการส่วนตัว เมื่อมีการชุมนุมที่ไหนก็จะไปร่วมเสมอ โดยเฉพาะที่ท้องสนามหลวงเพราะมีคนเยอะ ไปแล้วได้รู้จักเพื่อนร่วมอุดมการณ์หลายคน ก่อนเกิดเหตุได้มีคนโทรศัพท์เป็นเสียงผู้ชาย บอกว่าเป็นคนเสื้อแดงเหมือนกัน ชักชวนให้หาคนขี่จักรยานยนต์ไปก่อกวนสร้างความวุ่นวายตามที่ต่างๆ เมื่อถามว่าเป็นใครเขาก็ไม่ยอมบอก บอกเพียงว่าเป็นคนที่เคยเจอที่สนามหลวง ขอให้ช่วยกันหน่อย และให้หาคนขี่รถ จักรยานยนต์ไปรับชายคนหนึ่งซึ่งจะรออยู่ที่ซอยนราธิวาสราชนครินทร์ 3 ตนจึงได้บอกหลานชายให้ช่วยไปรับชายดังกล่าว แต่ไม่ทราบว่ารับไปทำอะไร หากรู้แต่แรกว่ารับไปปาระเบิด ตนคงไม่สั่งให้หลานไป เพราะไม่ชอบความรุนแรงอยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับระเบิด ยืนยันว่าไม่รู้จักคนที่ปาระเบิดมาก่อน
“เขาติดต่อมาให้หาเด็กไปฮึ่มๆ หน่อย ไปบิดรถจักรยานยนต์เสียงดังกวนเมือง ปกติผมเป็นคนชอบเฮฮา แต่ไม่ชอบความรุนแรง อย่างเรื่องระเบิดนี่ผมไม่เอาเลย ที่ผ่านมาเข้าร่วมม็อบเพราะอุดมการณ์ ไม่มีใครมาว่าจ้างทั้งนั้น ไปด้วยใจ คนที่หลานไปรับเขาก็เห็นกันแวบเดียว พูดคุยกันไม่กี่คำ ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย เป็นใครก็ไม่รู้ แต่ที่ให้หลานไปรับเพราะเห็นเป็นคนเสื้อแดงเหมือนกัน ส่วนที่ว่าเขาได้เบอร์ผมไปอย่างไร ที่ผ่านมาเมื่อไปร่วมชุมนุมแต่ละครั้งก็รู้จักคนเยอะ มีการแลกเบอร์กันไม่รู้ใครเป็นใคร แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นคนเสื้อแดง แต่ยืนยันว่าไม่ได้เป็นแกนนำ หรือรู้จักแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นการส่วนตัว ส่วนเรื่องระเบิดนั้นผมไม่รู้เห็น ไม่เกี่ยวข้องด้วย” นายไสวกล่าว