xs
xsm
sm
md
lg

เรียก 20 หน่วยงาน ตร.ฝึกกองร้อยควบคุมฝูงชนป้องกัน “เสื้อแดง” บุก

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ที่ปรึกษา (สบ 10) ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.)ได้เรียกกำลังข้าราชการตำรวจจาก 20 หน่วยที่ตั้งภายในตร. จำนวน 1,511 นายจะแบ่งกำลังออกไปเป็น 10 กองร้อย เพื่อฝึกซ้อมการจัดกำลังข้าราชการตำรวจเป็นกองร้อยควบคุมฝูงชน
สตช.พร้อมรับสถานการณ์การชุมนุม เรียก ตร.จาก 20 หน่วย ฝึกซ้อมเป็นกองร้อยควบคุมฝูงชน รองรับเหตุการณ์ พร้อมฝึกกลยุทธ์วิธีต่างๆ ด้านโฆษก ตร.ระบุ ยังไม่มีรายงานความรุนแรง ชูแผนกรกฎ 52 ในการปราบเหตุรุนแรง พร้อมเตรียมประชาสัมพันธ์ชี้แจงประชาชนให้เข้าใจการปฏิบัติงานและขอความร่วมมือ

วันนี้ (4 มี.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ที่ปรึกษา (สบ 10) ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.)ได้เรียกกำลังข้าราชการตำรวจจาก 20 หน่วยที่ตั้งภายใน ตร.จำนวน 1,511 นาย จะแบ่งกำลังออกไปเป็น 10 กองร้อย เพื่อฝึกซ้อมการจัดกำลังข้าราชการตำรวจเป็นกองร้อยควบคุมฝูงชน บริเวณลานด้านทิศตะวันออกพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 4 โดยได้มอบหมายให้ บก.ส.และ บก.ป.ร่วมกันรับผิดชอบการฝึกซ้อม การจัดเตรียมอุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ ยุทธวิธีการฝึกและครูฝึก

พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า สถานการณ์การทางการเมืองขณะนี้ต้องมีการติดตามกันตลอด ตนเองก็ได้มีการประชุมเพื่อติดตามสถานการณ์ด้านการเมืองทุกวัน ซึ่งสถานการณ์ต่างๆ อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ หรืออาจจะมีความรุนแรง ทาง พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร.จึงได้สั่งการให้ดูแลบ้านของเราเอง คือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้มีการเตรียมแผน เตรียมการทุกวัน จึงได้เรียกกำลังที่มีอยู่ใน ตร.มาฝึกซ้อม ซึ่งเรามีกำลังพลใน ตร.อยู่ประมาณ 1,500 นาย มาฝึกเป็นกองร้อยควบคุมฝูงชน โดยแบ่งได้เป็น 10 กองร้อย โดยให้มี ผบ.ร้อย ผบ.หมวดที่ชัดเจน ให้สามารถช่วยตรึงสถานการณ์ได้

พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวต่อว่า การฝึกเพื่อเป็นการฝึกระเบียบ เพราะที่ผ่านมาเราขาดการจัดระเบียบภายใน ตั้งเป้าว่าหากเกิดเหตุขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการบุกของกลุ่มผู้ชุมนุม การเข้ามาเผาสถานที่ จะได้ไม่เกิดความสับสนวุ่นวาย จะได้มีความคุ้นเคยในการทำงาน ทุกคนสามารถรับผิดชอบหน้าที่ตามที่แบ่งไว้ได้ให้เกิดความพร้อมเพรียงในการปฏิบัติงานได้เป็นอย่างดี และที่ต้องฝึกซ้อมเพราะการข่าวสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็เป็นเป้าหนึ่งที่กลุ่มผู้ชุมนุมต้องการมาชุมนุมและโจมตี สำหรับการข่าวการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงตอนนี้ตัวเลขของผู้มีร่วมชุมนุมยังไม่นิ่ง แกนนำก็ยังสงวนท่าทีระดมทุนกันอยู่ เราก็ติดตามสถานการณ์อยู่ตลอด ก็ยังเน้นดูแลสถานที่ราชการเน้นตั้งจุดตรวจ จุดสกัด

ด้าน พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะโฆษก ตร.กล่าวภายหลังการประชุมศปก.ตร.เพื่อติดตามสถานการณ์การชุมนุมเรียกร้อง ว่า พล.ต.อ.ปทีป ได้สั่งการให้ทุกหน่วยเตรียมความพร้อมสำหรับการดูแลสถานที่ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในทุกพื้นที่ โดยให้มีการประสานการปฏิบัติกับทุกฝ่ายอย่างใกล้ชิด ทั้งการติดตามด้านการข่าว การเตรียมกำลัง อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ และมาตรการในการป้องกันดูแลเหตุร้ายต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น

พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวต่อว่า จากการรายงานของหน่วยต่างๆ ปรากฏว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีแนวโน้มความรุนแรงใดๆ เกิดขึ้น ซึ่งตำรวจทุกหน่วยไม่ได้ประมาท ได้มีการซักซ้อมการปฏิบัติของกำลังพลที่จะต้องเข้ารับผิดชอบพื้นที่และเหตุการณ์ต่างๆ ทุกระยะ โดยเฉพาะการดำเนินการตามแผนกรกฎ 52 ตามขั้นตอนจากเบาไปหาหนัก และจะไม่ใช้ความรุนแรงโดยเด็ดขาด ส่วนโล่และอุปกรณ์ประจำตัวของตำรวจใช้เพื่อป้องกันตัวเท่านั้น

โฆษก ตร.กล่าวอีกว่า ส่วนการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารต่างๆเพื่อทำความเข้าใจกับประชาชน ทั้งในเรื่องการปฏิบัติงานและขอความร่วมมือประชาชนนั้น จะมีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในวันที่ 7 มี.ค.เวลา 13.30 น.ที่ ศปก.ตร.และจะมีการประชุมทางไกลร่วมกับโฆษก บช.ต่างๆ เพื่อให้ประชาชนเข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ นอกจากนี้ พล.ต.อ.ปทีป ได้มีคำสั่งแต่งตั้ง พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ รองผบช.สทส.และพล.ต.ต.สัญชัย สุนทรบุระ ผบก.สท.เป็นรองโฆษก ตร.และมอบหมายให้ พล.ต.ต.ประวุฒิ เป็นโฆษก ศปก.ตร.ด้วย

ประชุมคืบหน้าเหตุระเบิด

วันเดียวกันที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ที่ปรึกษา(สบ 10) เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลท้องที่ ที่เกิดเหตุปาระเบิดธนาคารกรุงเทพประกอบด้วย สน.ยานนาวา สน.ท่าข้าม ศูนย์สืบสวน บช.น. สภ.สำโรงเหนือ และสภ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ และ บก.สส.บช.ภ.1 เพื่อติดตามความคืบหน้าการจับกุมคนร้ายก่อเหตุปาระเบิดธนาคารกรุงเทพ ทั้ง 4 จุดในกรุงเทพ และสมุทรปราการ

พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าในส่วนของคดีไปมากแล้วโดยเรามีทั้งตำหนิรูปพรรณคนร้าย พาหนะที่ใช้ก่อเหตุ โดยเราทราบว่าการก่อเหตุทั้ง 4 จุด มีความเชื่อมโยงกันแน่นอน และแบ่งการทำงานออกเป็น 2 ทีม ส่วนการออกหมายจับมือปาระเบิดธ.กรุงเทพ สาขาสีลม อยู่ระหว่างการติดตามตัวและหาหลักฐานเพิ่มเติม ประชาชนก็แจ้งเบาะแสมาอย่างต่อเนื่อง

เมื่อถามว่า กลุ่มคนร้ายมีความเชื่อมโยงกับนายพรวัฒน์ ทองสมบูรณ์ หรือ เคทอง คนสนิทเสธแดง หรือไม่นั้น พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงกัน ต้องรอหลักฐานต่าง ๆ ซึ่ง บช.ก. ไปตรวจค้นมาแล้ว ส่วนจะเป็นกลุ่มเสื้อแดงเป็นผู้สั่งการหรือไม่ ยังไม่สามารถตอบได้ซึ่ง ต้องรอให้จับกุมคนร้ายได้ก่อนจากนั้นจึงจะขยายผลต่อไปได้

รายงานสดจากพื้นที่ข่าว

เดินทางไปที่นี่
Latitude: 13.744521 Longitude: 100.537238


กำลังโหลดความคิดเห็น