ตร.ดุสิตจับสาวใหญ่วัย 52 ปี ตุ๋นชาวบ้านร่วมลงทุนธุรกิจขายลอตเตอรี่ อ้างรู้จักคนในกองสลากซื้อล็อตเตอรี่ราคาถูกนำไปขายเก็งกำไรต่อ ก่อนนำเงินปันผลมาให้ เหยื่อหลงเชื่อนำเงินมาลงทุนร่วมล้าน แล้วเชิดหนีหาย พบมีเหยื่อหลงเชื่อกว่า 50 ราย มูลค่าเสียหายกว่า 30 ล้าน เจ้าตัวสารภาพแค่นำเงินไปหมุนจนไม่มีให้เหยื่อ ตร.ไม่ปักใจเชื่อ คาดอาจทำเป็นขบวนการ
วันนี้ (25 ก.พ.) เมื่อเวลา 20.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดุสิต ควบคุมตัว นางสมพร ขันทอง อายุ 52 ปี อยู่บ้านเช่าไม่มีเลขที่ ใกล้หมู่บ้านพิบูลย์ ย่านสะพานพระราม 7 ถนนกรุงเทพ-นนท์ แขวงและเขตบางซื่อ กทม. ผู้ต้องหาฉ้อโกงประชาชน ส่งให้ พ.ต.ท.วีระชัย ภู่ตระกูล พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.ดุสิต ดำเนินคดี โดยสามารถจับกุมตัวได้ภายในชุมชนหลังวัดสุคนธาราม ถนนพระราม 5 เขตดุสิต กทม. โดยมีผู้เสียหายกว่า 50 คนเดินทางมาชี้ตัว
นางสุรัตจณา วงศ์สิทธิศิริ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 102/217 ซอยวัดพระเงิน ต.ปรายบาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี อาชีพค้าขาย และผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนรู้จักกับนางสมพร มานานประมาณ 2 ปีแล้ว กระทั่งวันที่ 6 ม.ค.2553 นางสมพรได้มาชักชวนให้ร่วมทำธุรกิจขายล็อตเตอรี่ โดยอ้างว่ารู้จักผู้ใหญ่ในกองสลาก มีโควตาพิเศษสามารถซื้อล็อตเตอรี่ได้ในราคาถูกมาก เมื่อได้เงินมาแล้วก็จะเอาไปขายทำกำไร จึงต้องการเงินลงทุนก้อนใหญ่ไปซื้อลอตเตอรี่ดังกล่าว
นางสุรัตจณากล่าวว่า ตนได้ฟังรู้สึกสนใจจึงมอบเงินให้ไปจำนวน 50,000 บาท จากนั้นเพียงแค่ 12 วันก็ได้ผลตอบแทนคืนจำนวน 5,000 บาท จึงร่วมลงทุนเพิ่มอีกจำนวน 100,000 บาท คราวนี้แค่เพียง 1 วัน ก็ได้ผลตอบแทนจำนวน 10,000 บาท เมื่อเห็นว่าได้เงินจริง จึงมอบเงินให้ไปอีก 3 ครั้ง รวมเงินที่ลงทุนไปจำนวน 900,000 บาท แต่พอเข้าเดือนกุมภาพันธ์ก็เริ่มติดต่อสมพรไม่ได้ ทวงเงินก็บอกให้รอก่อน ขอเจอตัวก็บอกว่าไม่ว่าง ก็เลยมาปรึกษาเพื่อนๆ ที่ถูกโกง มารู้ตอนหลังว่ามีเกือบ 50 คน คิดมูลค่าเสียหายน่าจะประมาณ 20-30 ล้านบาท จึงตัดสินใจรวมตัวกันมาแจ้งความ
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าหลอกลวงเงินชาวบ้านไปจริง โดยตนเองไม่ได้รู้จักกับคนในกองสลากแต่อย่างใด แค่นำเงินส่วนหนึ่งไปซื้อล็อตเตอรี่ที่พ่อค้าวางแผงขายตามปกติที่แยกคอกวัว แต่ที่มีเงินให้เหยื่อตอนแรกๆ ก็เป็นการหมุนเงิน เอาจากคนหนึ่งไปให้อีกคนหนึ่ง พร้อมยืนยันว่าตนไม่มีเงินเป็นล้านๆ และไม่มีเงินติดตัว เพราะเอาไปหมุนให้เหยื่อแต่ละคนจนหมดแล้ว ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนและกลุ่มผู้เสียหายยังไม่ปักใจเชื่อแต่อย่างใด
ด้าน พ.ต.ท.วีระชัย กล่าวว่า เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาฉ้อโกงประชาชน และเชื่อว่าผู้ต้องหาน่าจะทำกันเป็นขบวนการ ซึ่งตอนนี้ต้องทยอยสอบปากคำผู้เสียหาย และรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป