สาวบินไทยร้องกองปราบฯ ถูกแท็กซี่มอมยา ตรวจพบยาหลายชนิดกับหลอดของเหลวสีแดง เตรียมส่งพิสูจน์หลักฐานตรวจ เผยขณะขึ้นรถไม่ทันถามบึ่งรถออกทันที ไหวตัวโทร.หาแฟนแต่คนขับผิดสังเกตใช้มืออังที่แอร์จนเกิดอาการมึน ก่อนเปิดประตูทิ้งตัวลงจากรถ ด้านแท็กซี่ให้การปฏิเสธแต่บอกเคยเสพยาบ้า รอตรวจของกลางก่อนแจ้งข้อหาเพิ่ม
วันนี้ (13 ก.พ.) ที่ บก.ป. พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผกก.ช่วยราชการ กก.1 บก.ป พ.ต.ต.สุทธิเวช บุญยรัตกลิน สว.กก.1 บก.ป. พร้อมกำลังได้เชิญตัว นายสมหมาย ม่วงมูลตรี อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 80 หมู่ 5 ต. ปาฝา อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด ขณะกำลังขับรถแท็กซี่ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลติสสีเขียว-เหลือง ทะเบียน มจ 5756 กทม. อยู่บริเวณถนนกำแพงเพชร 5 แขวงสามเสน เขตพญาไท กทม. มาสอบสวนที่ บก.ป. หลังมี น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 34 ปี พนักงานบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เข้าแจ้งความที่ สน.พหลโยธิน และร้องทุกข์ต่อ กก.1 บก.ป.เมื่อคืนวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมาว่าถูกนายสมหมายกระทำการในลักษณะมอมยา
จากการตรวจค้นภายในรถยนต์แท็กซี่ของนายสมหมาย พบเจลใสสำหรับฆ่าเชื้อยี่ห้อแฮนดี้ เจล 1 หลอด ยาเม็ดสีขาว 12 เม็ด ยาดม 1 หลอด และหลอดแก้วใสขนาด 5 คูณ 15 ซม. ภายในมีของเหลวสีแดงเข้ม ทั้งหมดเก็บอยู่ในช่องเก็บของข้างประตูคนขับ จึงยึดไว้เป็นของกลาง โดยเฉพาะหลอดแก้วใสที่ใส่ของเหลวสีแดงอยู่นั้นได้นำส่งกองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งว่ามีส่วนประกอบของสารที่เป็นอันตรายหรือไม่
จากนั้นชุดสืบสวน กก.1 บก.ป.ได้เชิญ น.ส.เอ มาทำการชี้ตัว ซึ่งในทันทีที่ผู้เสียหายเห็นนายสมหมายก็เกิดอาการหวาดผวาอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม ได้ชี้ยืนยันว่านายสมหมายคือคนขับแท็กซี่คนดังกล่าว พร้อมทั้งเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เมื่อเวลา 19.30 น.วันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา ตนได้มาอุดฟันที่โรงพยาบาลวิภาวดี หลังจากทำฟันเสร็จแล้วก็เดินทางกลับโดยเรียกแท็กซี่ที่หน้าโรงพยาบาลให้ไปส่งที่บ้านพักย่านรังสิต คลอง 2 เมื่อมีแท็กซี่ขับมาจอดรับตนก็ขึ้นไปนั่งที่เบาะหลังเยื้องมาทางด้านซ้ายของคนขับ แต่โชเฟอร์ไม่ถามสักคำว่าจะให้ไปส่งที่ไหนก็ขับรถออกไปทันที ตนเห็นท่าไม่ดีจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาส่งข้อความบอกเลขทะเบียนรถให้แฟนทราบเพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้น แต่ระหว่างนั้นตนก็เห็นคนขับรถใช้มืออังที่แอร์ตลอดเวลาจนผิดสังเกตจึงบอกไปว่าไม่ต้องการแอร์แต่เขาก็ยังไม่หยุด
น.ส.เอ ให้การอีกว่า ระหว่างนั้นตนเริ่มมีอาการมึนงง รู้สึกเหมือนจะหมดสติจึงบอกให้คนขับแท็กซี่จอดรถ แต่เขาก็ไม่ยอมจอดจึงตัดสินใจเปิดประตูทิ้งตัวลงจากรถ ซึ่งเขาก็ไม่หยุดรถลงมาดูแต่ขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ตนจึงไปขอความช่วยเหลือจากพลเมืองให้พาไปส่งโรงพยาบาลวิภาวดี ซึ่งในระหว่างนั้นก็หมดสติไป 10 นาที แพทย์ลงความเห็นว่าตนน่าจะถูกมอมยาจึงนำเรื่องเข้าแจ้งความที่ สน.พหลโยธิน และขอความช่วยเหลือจากกองปราบปราม
สอบสวนเบื้องต้นนายสมหมายให้การปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำการใดๆ ตามที่ถูกกล่าวหา และไม่ทราบว่าเหตุใดถึงถูกกล่าวหาเช่นนี้ เพราะตนประกอบอาชีพขับรถแท็กซี่มากว่า 8 ปีแล้วไม่เคยมีประวัติเสียหาย และไม่เคยต้องคดีใดๆ มาก่อน แต่ทั้งนี้ยอมรับว่าเสพยาบ้าไป 1 เม็ดเมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาเพราะมีเพื่อนมาขายให้และตนก็อยากลอง
นายสมหมายยังกล่าวอ้างถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ช่วงนั้นก็ไปรับส่งผู้โดยสารตามปกติเมื่อผ่านมาหน้าโรงพยาบาลเห็นผู้โดยสารเรียกก็หยุดรับ แต่ขับไปได้ร้อยกว่าเมตร ผู้โดยสารก็บอกให้จอดรถตนก็จอดแล้วผู้โดยสารก็ลงจากรถไปทันทีซึ่งตนเห็นว่าค่ามิเตอร์เพียงแค่ 35 บาทยังไม่ขึ้นจึงไม่คิดเงินก็ขับรถออกไป ส่วนที่ผู้เสียหายบอกว่าให้ตนหยุดรถตั้งแต่แรกแล้วไม่หยุดนั้นเป็นเพราะตนไม่ได้ยิน ถ้าได้ยินตั้งแต่แรกก็จะจอดให้แล้ว
อย่างไรก็ตาม ตำรวจดำเนินคดีต่อนายสมหมายได้เพียงข้อหาเดียว คือ เสพยาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) เนื่องจากตรวจปัสสาวะแล้วเป็นสีม่วง จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ดำเนินคดี ส่วนกรณีที่ น.ส.เอ แจ้งความให้ดำเนินคดีนายสมหมายในข้อหาหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำการใดๆ ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นทางตำรวจยังไม่สามารถ แจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าวได้เนื่องจากต้องผลการตรวจพิสูจน์ของเหลวสีแดง รวมทั้งของกลางอื่นๆ อีกครั้งว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีที่เกิดขึ้นหรือไม่