เกิดเหตุรถไฟตกรางภายในสถานีรถไฟหัวลำโพง แต่โชคดีไม่มีผู้บาดเจ็บเพราะเป็นโบกี้เปล่าที่จะนำไปล้าง ส่วนสาเหตุน่าจะเกิดจากดินใต้รางรถไฟทรุดตัว
วันนี้ (5 ก.พ.) พ.ต.ท.หญิงศิริรัตน์ คงจิระธนกุล สวส.สน.นพวงษ์ รับแจ้งเหตุรถไฟตกราง บริเวณสถานีรถไฟหัวลำโพง แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมนายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.นพวงษ์ จำนวนหนึ่ง
ที่เกิดเหตุบริเวณราง 1-2 ห่างออกจากชานชลาประมาณ 400 เมตร พบขบวนรถเร็วที่ 140 วิ่งจากจ .อุบลราชธานี-กรุงเทพฯ ความยาวจำนวน 12 โบกี้ เสียหลักตกรางบริเวณกลางขบวนจำนวน 2 โบกี้ ในสภาพเอียงขวา เจ้าหน้าที่จึงทำการลากโบกี้รถไฟที่ไม่ตกรางออกไป ก่อนจะนำรถเครนขนาดใหญ่มายกโบกี้รถไฟที่ตกรางให้กลับเข้าสู่รางเพื่อเคลื่อนย้ายไม่ให้กีดขวางเส้นทาง โดยใช้เวลาในการยกประมาณ 4 ชม. ในที่เกิดเหตุไม่มีผู้บาดเจ็บแต่อย่างใด
ด้านนายยุทธนา เปิดเผยว่า รถไฟขบวนดังกล่าววิ่งจากจ.อุบลราชธานีมาส่งผู้โดยสารที่สถานีหัวลำโพงตั้งแต่ช่วงเช้า หลังจากที่ส่งผู้โดยสารเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ได้นำรถดันหัวขบวนรถไฟดังกล่าวจากชานชลาเพื่อเตรียมไปทำความสะอาดที่จุดล้างรถตามปกติ โดยใช้ราง 1-2 ซึ่งเป็นรางสำหรับใช้นำรถไปล้าง แต่เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นบริเวณรางเบี่ยงรางโค้ง ทำให้ขบวนรถไฟที่มีน้ำหนักมากเกิดแรงเหวี่ยงเสียหลักตกราง
นายยุทธนา กล่าวต่อว่า เบื้องต้นคาดว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากดินบริเวณจุดเกิดเหตุอ่อนนุ่ม ไม่เรียบหรืออาจมีการทรุดตัว ทำให้อุปกรณ์ควบคุมที่ช่วยควบคุมรถให้อยู่บนรางราง เช่น ประแจ หัวตะเข้ หรือเหล็กกั้นราง เกิดปัญหาไม่เรียบตามไปด้วยจึงเกิดเหตุดังกล่าว อย่างไรก็ตามรถไฟที่ตกรางไม่ได้เกิดเสียหายอะไร แค่ล้อหลุดออกจากรางเท่านั้น รวมถึงไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ส่วนอุบัติเหตุครั้งนี้ไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหาผลกระทบด้านการเดินรถไฟแต่อย่างใด เนื่องจากรางดังกล่าวไม่ใช่รางที่ใช้สัญจร แต่เป็นรางสำหรับลากรถไปทำความสะอาดเท่านั้น
“ สำหรับรางสัญจรช่องอื่นๆของสถานีรถไฟหัวลำโพงเป็นลักษณะรางตรงไม่ได้เป็นรางเบี่ยงรางโค้งแบบราง 1-2 ที่ใช้สำหรับลากรถเปล่าไปทำความสะอาด ดังนั้นผู้โดยสารจึงไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดอุบติเหตุเหมือนที่เกิดขึ้นครั้งนี้อย่างไรก็ดีจะมีการไปประชุมสอบสวนหาสาเหตุของการตกรางครั้งนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง รวมถึงประชุมหาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุลักษณะดังกล่าวอีก หรือเกิดให้น้อยที่สุด เพราะเมื่อปีที่ผ่านมา เกิดเหตุรถไฟตกรางที่จุดดังกล่าวมาแล้วถึง 3 ครั้ง แต่ไม่มีผู้บาดเจ็บเพราะเป็นขบวนรถเปล่าทั้งสิ้น” นายยุทธนา กล่าว