“เดชอุดม” ไม่ชี้คุณสมบัติว่าที่นายกสภาทนายความคนใหม่ กลัวถูกกล่าวหาล็อกสเปก แต่ขอให้มีจิตอาสานำพาองค์กรสง่างามมีความเป็นกลาง และเป็นที่พึ่งสังคม
วันนี้ (1 ก.พ.) นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ กล่าวถึงการเลือกตั้งนายกสภาทนายความคนใหม่ที่อยู่ระหว่างรับสมัครผู้ลงชิงตำแหน่ง ก่อนจะลงคะแนนเลือกตั้งกันในวันที่ 25 เม.ย.นี้ ว่า ตำแหน่งนายกสภาทนายความของตนจะหมดวาระลงในวันที่ 30 เม.ย.นี้ ซึ่งตามกติกาจะต้องเว้นวรรค 1 สมัย ไม่สามารถลงรับสมัครได้ แต่หากถามว่าอยากจะให้นายกสภาทนายความคนใหม่เป็นอย่างไรคงตอบไม่ได้ เพราะพูดไปอาจถูกกล่าวหาว่าล็อคสเป็กบุคคล
อย่างไรก็ดี เรื่องนี้ผู้ที่แสดงเจตนาลงรับสมัครนั้นจะต้องทราบดีอยู่แล้วว่า การเข้ามาเป็นนายกสภาทนายความ เป็นงานอาสาช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย รักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ ซึ่งต้องพร้อมที่จะเสียสละนำพาองค์กรให้เป็นกลาง มีความสง่างาม และมีศักดิ์ศรี
นายเดชอุดมกล่าวว่า สำหรับการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนเรื่องคดีความที่เข้ามาร้องเรียนทั้งทางโทรศัพท์ การส่งหนังสือ และการมาด้วยตัวเองในแต่ละปีมีประมาณ 40,000-50,000 เรื่อง โดยสภาทนายความจะตรวจสอบหลักเกณฑ์เบื้องต้นว่า เป็นผู้ที่ยากจน และได้รับความไม่เป็นธรรมหรือไม่ หรืออาจเป็นคดีที่เป็นนโยบาย อาทิ คดีสิ่งแวดล้อม คดีผู้บริโภค หรือคดีเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน สภาทนายความจะให้ความช่วยเหลือจัดหาทนายความว่าคดีให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย โดยสภาทนายความได้รับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายจากเงินกองทุนช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย ซึ่งรัฐบาลจัดสรรให้ แต่ไม่เพียงพอและแต่ละปีได้รับการจัดสรรไม่เท่ากัน โดยตัวอย่างปีที่ผ่านมาสภาทนายความขอไป 200 ล้านบาท เท่าจำนวนของสำนักงานอัยการสูงสุด แต่กลับได้รับอนุมัติเพียง 50 ล้านบาท และเงินค่าใช้จ่ายอีกส่วนมาจาก 10 เปอร์เซ็นต์จากรายได้ จากการขึ้นทะเบียนทนายความ แต่ละปีมีไม่มากมายเท่าใดนักเมื่อเทียบกับภาระกิจของสภาทนาย