รวบสองผู้ต้องหาลัก จยย.และรับซื้อของโจร สารภาพเพิ่งพ้นโทษ ใช้วิชาที่เรียนจากเพื่อนในคุกออกตระเวนลักตามโรงพยาบาลดัง เพราะทำได้ง่ายคนมักรีบร้อนเสียบกุญแจคา บางครั้งใช้เท้าถีบตัวล็อกคอหลุด ทำมาแล้ว 11 ครั้ง ส่งขายคันละ 1,500 บาท ขณะที่ผู้ต้องหารับของโจรอ้างไม่รู้เป็นรถขโมยมา
วันนี้ (29 ม.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รองผบช.น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 พ.ต.อ.สรเจริญ ใช้สถิตย์ ผกก.สน.สามเสน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สามเสน แถลงข่าวการจับกุม นายยุทธนา หรือบ๊วย อ่อนสุวรรณ อายุ 21 ปี และนายสุริยัณห์ หรือเจี๊ยบ เพชรแดง ซึ่งเป็นลูกจ้างชั่วคราว ประจำศูนย์โรคหัวใจ ตึกเพชรรัตน์ เจ้าหน้าที่ของ รพ.วชิรพยาบาล ผู้ต้องหาลักทรัพย์ และรับซื้อของโจร พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ยี่ห้อต่างๆ สวมทะเบียนปลอม จำนวน 5 คัน
พล.ต.ต.สุเมธ กล่าวว่า การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจากมีประชาชนเข้าแจ้งความว่ารถจักรยานยนต์ได้หายไปขณะจอดอยู่ที่โรงพยาบาลต่างๆ ต่อมาเจ้าหน้าที่ทำการสืบสวน จนทราบว่าผู้ก่อเหตุคือนายยุทธนา จึงติดตามจับกุมได้ที่บริเวณที่จอดรถหลังตึกเพชรรัตน์ ร.พ.วชิรพยาบาล พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ ทะเบียน ษทฉ-466 กทม. ซึ่งเป็นการสวมป้ายทะเบียนของรถคันอื่น ต่อมาเจ้าหน้าที่ขยายผลจับกุมนายสุริยัณห์ ซึ่งเป็นลูกจ้างชั่วคราว ประจำศูนย์โรคหัวใจ ตึกเพชรรัตน์ เจ้าหน้าที่ของ รพ.วชิรพยาบาล พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ จำนวน 4 คัน
สอบสวนนายยุทธนารับสารภาพว่า เพิ่งพ้นโทษออกมาจากคุกในข้อหาขโมยโทรศัพท์มือถือ และได้เรียนวิธีการขโมยรถจักรยานยนต์มาจากเพื่อนในคุก เมื่อพ้นโทษมาจึงได้ออกตระเวนขโมยรถจักรยานยนต์ตามโรงพยาบาลเนื่องจากผู้เสียหายจะรีบร้อนขึ้นไปบนโรงพยาบาลและบางรายลืมกุญแจเสียบไว้ที่รถ ทำให้ขโมยรถได้ง่าย ส่วนรถบางคันที่เป็นรถใหม่ตนจะใช้เท้าถีบให้ตัวล็อคคอหลุดจากนั้นต่อสายตรงขับหลบหนีออกมา โดยตนได้ก่อเหตุมาแล้วประมาณ 11 ครั้ง ที่ รพ.พระมงกุฎเกล้า, รพ.วชิรพยาบาล, รพ.รามาธิบดี และที่อื่นๆ สำหรับรถที่ขโมยมาจะนำไปขายต่อให้กับนายสุริยัณห์ ในราคาคันละ 1,500 -2,500 บาท มาโดยตลอด บางคันจะขายให้กับพ่อค้าตามตลาดนัดสถานที่ต่างๆ จนกระทั่งถูกจับกุมดังกล่าว
ด้าน นายสุริยัณห์รับสารภาพว่า นายยุทธนาได้มาเสนอขายรถให้ตนในราคาถูกโดยอ้างว่าไม่มีเงินกินข้าว ส่วนรถที่นำมาขายเป็นรถของตนเอง และของเพื่อนที่กำลังเดือดร้อนเรื่องเงิน ตนจึงรับซื้อไว้โดยที่ไม่ทราบว่าเป็นรถที่ถูกขโมยมา
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน หรือรับของโจร จากนั้นจะทำการขยายผลติดตามรถที่ยังหลงเหลืออยู่ พร้อมนำตัวผู้ต้องหาไปดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป
วันนี้ (29 ม.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รองผบช.น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 พ.ต.อ.สรเจริญ ใช้สถิตย์ ผกก.สน.สามเสน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สามเสน แถลงข่าวการจับกุม นายยุทธนา หรือบ๊วย อ่อนสุวรรณ อายุ 21 ปี และนายสุริยัณห์ หรือเจี๊ยบ เพชรแดง ซึ่งเป็นลูกจ้างชั่วคราว ประจำศูนย์โรคหัวใจ ตึกเพชรรัตน์ เจ้าหน้าที่ของ รพ.วชิรพยาบาล ผู้ต้องหาลักทรัพย์ และรับซื้อของโจร พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ยี่ห้อต่างๆ สวมทะเบียนปลอม จำนวน 5 คัน
พล.ต.ต.สุเมธ กล่าวว่า การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจากมีประชาชนเข้าแจ้งความว่ารถจักรยานยนต์ได้หายไปขณะจอดอยู่ที่โรงพยาบาลต่างๆ ต่อมาเจ้าหน้าที่ทำการสืบสวน จนทราบว่าผู้ก่อเหตุคือนายยุทธนา จึงติดตามจับกุมได้ที่บริเวณที่จอดรถหลังตึกเพชรรัตน์ ร.พ.วชิรพยาบาล พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ ทะเบียน ษทฉ-466 กทม. ซึ่งเป็นการสวมป้ายทะเบียนของรถคันอื่น ต่อมาเจ้าหน้าที่ขยายผลจับกุมนายสุริยัณห์ ซึ่งเป็นลูกจ้างชั่วคราว ประจำศูนย์โรคหัวใจ ตึกเพชรรัตน์ เจ้าหน้าที่ของ รพ.วชิรพยาบาล พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ จำนวน 4 คัน
สอบสวนนายยุทธนารับสารภาพว่า เพิ่งพ้นโทษออกมาจากคุกในข้อหาขโมยโทรศัพท์มือถือ และได้เรียนวิธีการขโมยรถจักรยานยนต์มาจากเพื่อนในคุก เมื่อพ้นโทษมาจึงได้ออกตระเวนขโมยรถจักรยานยนต์ตามโรงพยาบาลเนื่องจากผู้เสียหายจะรีบร้อนขึ้นไปบนโรงพยาบาลและบางรายลืมกุญแจเสียบไว้ที่รถ ทำให้ขโมยรถได้ง่าย ส่วนรถบางคันที่เป็นรถใหม่ตนจะใช้เท้าถีบให้ตัวล็อคคอหลุดจากนั้นต่อสายตรงขับหลบหนีออกมา โดยตนได้ก่อเหตุมาแล้วประมาณ 11 ครั้ง ที่ รพ.พระมงกุฎเกล้า, รพ.วชิรพยาบาล, รพ.รามาธิบดี และที่อื่นๆ สำหรับรถที่ขโมยมาจะนำไปขายต่อให้กับนายสุริยัณห์ ในราคาคันละ 1,500 -2,500 บาท มาโดยตลอด บางคันจะขายให้กับพ่อค้าตามตลาดนัดสถานที่ต่างๆ จนกระทั่งถูกจับกุมดังกล่าว
ด้าน นายสุริยัณห์รับสารภาพว่า นายยุทธนาได้มาเสนอขายรถให้ตนในราคาถูกโดยอ้างว่าไม่มีเงินกินข้าว ส่วนรถที่นำมาขายเป็นรถของตนเอง และของเพื่อนที่กำลังเดือดร้อนเรื่องเงิน ตนจึงรับซื้อไว้โดยที่ไม่ทราบว่าเป็นรถที่ถูกขโมยมา
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน หรือรับของโจร จากนั้นจะทำการขยายผลติดตามรถที่ยังหลงเหลืออยู่ พร้อมนำตัวผู้ต้องหาไปดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป