4โจ๋ขี่ จยย.ประกบเสี่ยเจ้าของตลาดชื่อดังย่านบางปะกอก กระโดดล็อกคอกระชากสร้อยคอหนัก 10 บาท พระเลี่ยมทองเกจิดัง 5 องค์ รวมมูลค่า 16 ล้านบาท ขณะซื้อกับข้าวเตรียมใส่บาตรแล้วขี่ จยย.หลบหนี ตร.เชื่อคนร้ายน่มาดักรอลงมือเพราะรู้ว่าผู้เสียหายใส่ทรัพย์สินมีค่า เร่งสอบพยานที่เกิดเหตุและตรวจกล้องวงจรปิดหาเบาะแสคนร้ายที่ลงมือ
วันนี้ (26 ม.ค.) เมื่อเวลา 06.00 น. พ.ต.ท.สมศักดิ์ แหลมภู่ พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.บางมด รับแจ้งเหตุปล้นทรัพย์และทำร้ายร่างกายเจ้าทรัพย์ได้รับบาดเจ็บบริเวณถนนพระราม 2 ซอย 13 แขวงและเขตจอมทอง จึงรีบรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน
ที่เกิดเหตุบริเวณปากซอยดังกล่าว เจ้าหน้าที่พบนายวิวัฒน์ จันทร์ม่วง อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24 หมู่ 2 ถนนพระราม 2 ซอย 11 แขวงและเขตจอมทอง เสี่ยเจ้าของตลาดโอ๋เอ๋ ย่านบางปะกอก ยืนรอให้การต่อเจ้าหน้าที่ด้วยอาการตื่นตระหนก โดยเบื้องต้นเจ้าตัวให้การว่าก่อนเหตุเกิดขับรถเบนซ์ออกมาจากบ้านเพื่อมาซื้อกับข้าวไปใส่บาตรเหมือนที่ทำเป็นประจำทุกวัน ขณะที่กำลังเดินอยู่นั้นมีคนร้ายเป็นชายวัยรุ่น 4 คน ขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าสีขาว และจักรยานยนต์ยามาฮ่า สีชมพู จำหมายเลขทะเบียนไม่ได้เข้ามาประกบ
จากนั้นคนร้ายที่ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ทั้ง 2 คัน ก็ลงจากรถแล้วตรงเข้ามาหาตน โดยคนร้ายคนหนึ่งล็อกคอตนไว้ พร้อมทั้งขู่ว่าหากขัดขืนจะทำร้ายร่างกาย ส่วนคนร้ายอีกคนก็ถอดสร้อยคำทองคำหนัก 10 บาท พร้อมพระเลี่ยมทอง 5 องค์ รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 16 ล้านบาท เนื่องจากมีพระเลี่ยมทองของสมเด็จพระพุฒาจารย์ รุ่นขรัวโตสร้างถวาย ร.5 พ.ศ.2311 ,พระซุ้มกอรุ่นแรกพิมพ์, พระผงสุพรรณรุ่นแรก, พระผงของขวัญวัดปากน้ำรุ่นสอง และเหรียญหลวงปู่เอี่ยม วัดหนังรุ่นแรก พ.ศ.2467 ออกจากคอตนไป จากนั้นคนร้ายทั้ง 2 คนวิ่งกลับไปซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่ติดเครื่องรออยู่หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
หลังรับแจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายวิวัฒน์ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลบางกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล เบื้องต้นพบว่า มีอาการบาดเจ็บฟกช้ำที่บริเวณคอเล็กน้อย ก่อนเข้าให้การกับพนักงานสอบสวนที่ สน.บางมด พร้อมทั้งจะหารูปถ่ายพระเครื่องทั้งหมดมามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไว้เป็นหลักฐานในการติดตามทรัพย์สินทั้งหมดคืนมา
ด้าน พ.ต.อ.เศรษฐศักดิ์ ยิ้มเจริญ ผกก.สน.บางมด กล่าวว่า เชื่อว่าคนร้ายน่าจะมาดูลาดเลาก่อนลงมือ เพราะรู้ว่าผู้เสียหายมีทรัพย์สินจำนวนมาก จึงมาดักรอแล้วก่อเหตุ อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้สั่งให้ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบหาภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดในบริเวณที่เกิดเหตุแล้ว รวมทั้งจะสอบปากคำพยานเกี่ยวกับรูปพรรณคนร้ายว่าพักอาศัยอยู่ละแวกใกล้เคียงที่เกิดเหตุหรือไม่
วันนี้ (26 ม.ค.) เมื่อเวลา 06.00 น. พ.ต.ท.สมศักดิ์ แหลมภู่ พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.บางมด รับแจ้งเหตุปล้นทรัพย์และทำร้ายร่างกายเจ้าทรัพย์ได้รับบาดเจ็บบริเวณถนนพระราม 2 ซอย 13 แขวงและเขตจอมทอง จึงรีบรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน
ที่เกิดเหตุบริเวณปากซอยดังกล่าว เจ้าหน้าที่พบนายวิวัฒน์ จันทร์ม่วง อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24 หมู่ 2 ถนนพระราม 2 ซอย 11 แขวงและเขตจอมทอง เสี่ยเจ้าของตลาดโอ๋เอ๋ ย่านบางปะกอก ยืนรอให้การต่อเจ้าหน้าที่ด้วยอาการตื่นตระหนก โดยเบื้องต้นเจ้าตัวให้การว่าก่อนเหตุเกิดขับรถเบนซ์ออกมาจากบ้านเพื่อมาซื้อกับข้าวไปใส่บาตรเหมือนที่ทำเป็นประจำทุกวัน ขณะที่กำลังเดินอยู่นั้นมีคนร้ายเป็นชายวัยรุ่น 4 คน ขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าสีขาว และจักรยานยนต์ยามาฮ่า สีชมพู จำหมายเลขทะเบียนไม่ได้เข้ามาประกบ
จากนั้นคนร้ายที่ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ทั้ง 2 คัน ก็ลงจากรถแล้วตรงเข้ามาหาตน โดยคนร้ายคนหนึ่งล็อกคอตนไว้ พร้อมทั้งขู่ว่าหากขัดขืนจะทำร้ายร่างกาย ส่วนคนร้ายอีกคนก็ถอดสร้อยคำทองคำหนัก 10 บาท พร้อมพระเลี่ยมทอง 5 องค์ รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 16 ล้านบาท เนื่องจากมีพระเลี่ยมทองของสมเด็จพระพุฒาจารย์ รุ่นขรัวโตสร้างถวาย ร.5 พ.ศ.2311 ,พระซุ้มกอรุ่นแรกพิมพ์, พระผงสุพรรณรุ่นแรก, พระผงของขวัญวัดปากน้ำรุ่นสอง และเหรียญหลวงปู่เอี่ยม วัดหนังรุ่นแรก พ.ศ.2467 ออกจากคอตนไป จากนั้นคนร้ายทั้ง 2 คนวิ่งกลับไปซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่ติดเครื่องรออยู่หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
หลังรับแจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายวิวัฒน์ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลบางกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล เบื้องต้นพบว่า มีอาการบาดเจ็บฟกช้ำที่บริเวณคอเล็กน้อย ก่อนเข้าให้การกับพนักงานสอบสวนที่ สน.บางมด พร้อมทั้งจะหารูปถ่ายพระเครื่องทั้งหมดมามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไว้เป็นหลักฐานในการติดตามทรัพย์สินทั้งหมดคืนมา
ด้าน พ.ต.อ.เศรษฐศักดิ์ ยิ้มเจริญ ผกก.สน.บางมด กล่าวว่า เชื่อว่าคนร้ายน่าจะมาดูลาดเลาก่อนลงมือ เพราะรู้ว่าผู้เสียหายมีทรัพย์สินจำนวนมาก จึงมาดักรอแล้วก่อเหตุ อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้สั่งให้ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบหาภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดในบริเวณที่เกิดเหตุแล้ว รวมทั้งจะสอบปากคำพยานเกี่ยวกับรูปพรรณคนร้ายว่าพักอาศัยอยู่ละแวกใกล้เคียงที่เกิดเหตุหรือไม่