“อำนวย” เรียกถกพนักงานสอบสวนคดีกระทรวงพัฒนาสังคมฯ แจ้งจับ “นาธาน” ปลอมเอกสารรับรางวัลเยาวชนดีเด่น ชี้มีความผิดชัดอย่างน้อยต้องรู้อายุตัวเอง รอผลสอบพนักงานอาร์เอสผิดด้วยหรือไม่ เตรียมออกหมายเรียกเจ้าตัวสอบภายในสัปดาห์หน้า ถ้าไม่มาเจอหมายจับแน่
วันนี้ (19 ม.ค.) ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล (บก.น.1) พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผบช.น. เรียกประชุมพนักงานสอบสวน สน.พญาไท เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีผู้รับมอบอำนาจจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.พญาไท เกี่ยวกับนายนาธาน โอมาน และพนักงานบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ซึ่งลงลายมือชื่อรับรอง แจ้งความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานรวมถึงกรณีการปลอมและใช้เอกสารปลอม
พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า วันนี้ตนได้เรียกสำนวนมาดูรายละเอียด ซึ่งเบื้องต้นยังต้องสร้างความชัดเจนในหลายประเด็น เช่น คณะกรรมการที่จัดการประกวดนั้นถือเป็นเจ้าพนักงานหรือไม่ ตามกฎหมายใด ประเด็นนี้เรายังไม่ได้สอบสวน คาดว่าในอีก 1-2 วันจะต้องไปสอบสวนเพราะการที่จะแจ้งข้อหาว่าเป็นการแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานนั้น ผู้รับแจ้งจะต้องมีสถานะเป็นเจ้าพนักงานก่อน
รอง ผบช.น.กล่าวถึงประเด็นของการปลอมเอกสารว่า ต้องดูว่ามีการนำเอาเอกสารอะไรมาใช้บ้าง แต่ในชั้นต้นความชัดเจนเกิดขึ้นแล้วอย่างหนึ่งคือ นาธาน น่าจะกระทำผิดจริง เพราะไม่มีมนุษย์คนใดที่จะไม่รู้ว่าตัวเองมีอายุเท่าไหร่ การที่จะไปประกวดในสถานะเยาวชนจะต้องทราบว่าอายุตัวเองอยู่ในเกณฑ์ของเยาวชน
“ส่วนผู้อื่น เช่น บริษัท อาร์เอส จะรู้เห็นและร่วมทำผิดด้วยหรือไม่ ยังต้องรอผลการสอบสวนว่าจะเชื่อมโยงในพยานหลักฐานและอาร์เอสมีหน้าที่ตรวจสอบอายุของคนที่จะส่งประกวดหรือไม่ ถ้าไม่ใช่หน้าที่ก็น่าคิด แต่ถ้าเป็นหน้าที่แล้วบริษัท อาร์เอส ไม่ตรวจสอบจะเอาเหตุผลของการที่ตัวเองไม่ทำหน้าที่แล้วมาอ้างว่าขาดเจตนานั้นย่อมฟังไม่ได้ เหมือนกับมารดาละทิ้งหน้าที่ไม่ให้นมบุตรทำให้บุตรเสียชีวิต กฎหมายถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ทำให้ลูกตัวเองตาย” พล.ต.ต.อำนวย กล่าว
พล.ต.ต.อำนวย กล่าวอีกว่า วันพรุ่งนี้น่าจะมีอะไรที่ชัดเจนกว่านี้และจะทำการออกหมายเรียกตัวนาธาน ทันทีภายในช่วงปลายสัปดาห์หน้า เพื่อมาให้ปากคำสร้างความชัดเจนให้รวดเร็ว และจะไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่เยาวชนรายอื่นๆ โดยหลังจากที่ออกหมายเรียกครั้งที่ 1 แล้วถ้ายังไม่มาจะรีบออกซ้ำอีกครั้งหนี่ง แต่ถ้าไม่มาอีกจะต้องออกหมายจับ
ส่วนในกรณีของพนักงานบริษัท อาร์เอส ยังจะต้องดูที่รายละเอียดอีกครั้งว่ามีเจตนาร่วมกระทำความผิดหรือไม่ เนื่องจากจะต้องไปสอบขั้นตอนของการส่งผู้เข้าร่วมประกวดกับทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ว่าผู้ส่งเข้าประกวดมีหน้าที่ต้องทำอะไรบ้าง จึงจะเห็นว่าทางบริษัทมีเจตนาร่วมหรือไม่
วันนี้ (19 ม.ค.) ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล (บก.น.1) พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผบช.น. เรียกประชุมพนักงานสอบสวน สน.พญาไท เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีผู้รับมอบอำนาจจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.พญาไท เกี่ยวกับนายนาธาน โอมาน และพนักงานบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ซึ่งลงลายมือชื่อรับรอง แจ้งความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานรวมถึงกรณีการปลอมและใช้เอกสารปลอม
พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า วันนี้ตนได้เรียกสำนวนมาดูรายละเอียด ซึ่งเบื้องต้นยังต้องสร้างความชัดเจนในหลายประเด็น เช่น คณะกรรมการที่จัดการประกวดนั้นถือเป็นเจ้าพนักงานหรือไม่ ตามกฎหมายใด ประเด็นนี้เรายังไม่ได้สอบสวน คาดว่าในอีก 1-2 วันจะต้องไปสอบสวนเพราะการที่จะแจ้งข้อหาว่าเป็นการแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานนั้น ผู้รับแจ้งจะต้องมีสถานะเป็นเจ้าพนักงานก่อน
รอง ผบช.น.กล่าวถึงประเด็นของการปลอมเอกสารว่า ต้องดูว่ามีการนำเอาเอกสารอะไรมาใช้บ้าง แต่ในชั้นต้นความชัดเจนเกิดขึ้นแล้วอย่างหนึ่งคือ นาธาน น่าจะกระทำผิดจริง เพราะไม่มีมนุษย์คนใดที่จะไม่รู้ว่าตัวเองมีอายุเท่าไหร่ การที่จะไปประกวดในสถานะเยาวชนจะต้องทราบว่าอายุตัวเองอยู่ในเกณฑ์ของเยาวชน
“ส่วนผู้อื่น เช่น บริษัท อาร์เอส จะรู้เห็นและร่วมทำผิดด้วยหรือไม่ ยังต้องรอผลการสอบสวนว่าจะเชื่อมโยงในพยานหลักฐานและอาร์เอสมีหน้าที่ตรวจสอบอายุของคนที่จะส่งประกวดหรือไม่ ถ้าไม่ใช่หน้าที่ก็น่าคิด แต่ถ้าเป็นหน้าที่แล้วบริษัท อาร์เอส ไม่ตรวจสอบจะเอาเหตุผลของการที่ตัวเองไม่ทำหน้าที่แล้วมาอ้างว่าขาดเจตนานั้นย่อมฟังไม่ได้ เหมือนกับมารดาละทิ้งหน้าที่ไม่ให้นมบุตรทำให้บุตรเสียชีวิต กฎหมายถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ทำให้ลูกตัวเองตาย” พล.ต.ต.อำนวย กล่าว
พล.ต.ต.อำนวย กล่าวอีกว่า วันพรุ่งนี้น่าจะมีอะไรที่ชัดเจนกว่านี้และจะทำการออกหมายเรียกตัวนาธาน ทันทีภายในช่วงปลายสัปดาห์หน้า เพื่อมาให้ปากคำสร้างความชัดเจนให้รวดเร็ว และจะไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่เยาวชนรายอื่นๆ โดยหลังจากที่ออกหมายเรียกครั้งที่ 1 แล้วถ้ายังไม่มาจะรีบออกซ้ำอีกครั้งหนี่ง แต่ถ้าไม่มาอีกจะต้องออกหมายจับ
ส่วนในกรณีของพนักงานบริษัท อาร์เอส ยังจะต้องดูที่รายละเอียดอีกครั้งว่ามีเจตนาร่วมกระทำความผิดหรือไม่ เนื่องจากจะต้องไปสอบขั้นตอนของการส่งผู้เข้าร่วมประกวดกับทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ว่าผู้ส่งเข้าประกวดมีหน้าที่ต้องทำอะไรบ้าง จึงจะเห็นว่าทางบริษัทมีเจตนาร่วมหรือไม่