“เสธ.หนั่น” ร่วมแจมแถลงผลงานจับแก๊งขอทานกัมพูชา 557 คน กระจายหากินตามสะพานลอย-ขนส่ง ทั่ว กทม. และ สตม.โชว์จับกุมแก๊งต่างด้าวต้มตุ๋นทองปลอม และเงินดำ พร้อมรวบตัวหนุ่มใหญ่ชาวเกาหลีหนีคดีฆ่า-ลักพาเรียกค่าไถ่ กบดานในไทยแต่ไปไม่รอด
วันนี้ (11 ม.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง และประธานคณะกรรมการประสานและกำกับการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปกค.) พร้อมด้วย นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และ พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผบช.สตม. ร่วมกันแถลงผลการระดมกวาดล้างแก๊งขอทานต่างด้าวตามแหล่งสะพานลอย สถานีรถไฟ สถานีขนส่ง ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร สามารถจับกุมตัวขอทานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาได้ทั้งสิ้น 557 คน เป็นชาย 220 คนและหญิงอีก 337 คน
พล.ต.สนั่น กล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้เป็นนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวและขจัดขบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งแฝงเข้ามาในรูปแบบของแรงงานต่างด้าว โดยก่อนหน้านี้มีผู้ร้องเรียนว่าพบชาวต่างด้าวแฝงตัวเข้ามาขอทานอยู่ตามจุดต่าง ๆ ภายในกรุงเทพมหานครจำนวนมาก โดยขอทานเหล่านี้สร้างความเดือดร้อนรำคาญต่อประชาชน และทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยเสียหาย ตนจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ สตม.ร่วมกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ทำการสืบสวนกวาดล้างชาวต่างด้าวกลุ่มดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 8-10 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมุ่งเน้นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เขตรอยต่อปริมณฑล และจังหวัดแหล่งท่องเที่ยว จนสามารถระดมกวาดล้างมาได้จำนวนมาก ซึ่งทั้งหมดเป็นชาวกัมพูชาที่ลักลอบเข้าอยู่ในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย และมีความเชื่อมโยงกับขบวนการค้ามนุษย์ ที่มีทั้งชาวไทยและคนต่างด้าวร่วมกันแสวงหาผลประโยชน์
เบื้องต้นควบคุมตัวผู้ต้องหาเหล่านี้เอาไว้รอการผลักดันกลับสู่ประเทศ และได้กำชับให้ด่านตรวจคนเข้าเมืองไทยตามชายแดนที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ให้เข้มงวดและช่วยกันสกัดกั้นขบวนการนำพาขอทานดังกล่าวเข้ามาสร้างความเดือดร้อนในราชอาณาจักรไทยให้เห็นผลเป็นรูปธรรม ส่วนผู้ที่แสวงหาผลประโยชน์จากการค้ามนุษย์ บังคับ หรือนำคนต่างด้าวโดยเฉพาะเด็กๆ มานั่งขอทาน จะมีความผิดฐานค้ามนุษย์ ซึ่งได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทำการสอบสวนขยายผล และหาตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถึงที่สุดต่อไป
นอกจากนี้ พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผบช.สตม. ยังแถลงข่าวจับกุมตัวผู้ต้องหารายสำคัญอีกหลายคดี รายแรก จับกุมตัว นายลี ชาง ฮวน อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาสัญชาติเกาหลีใต้ ตามหมายจับประเทศเกาหลีใต้และหมายแดงของตำรวจสากล ข้อหา “ฆ่าผู้อื่น ลักพาตัวเรียกค่าไถ่ ทำร้ายร่างกายและลักทรัพย์” เหตุเกิดที่กรุงโซล ประเทศเทศเกาหลีใต้ และประเทศฟิลิปปินส์ โดยผู้ต้องหาหลบหนีเข้ามากบดานในประเทศไทยจนถูกเจ้าหน้าที่ สตม.จังหวัดนครปฐมร่วมกับ เจ้าหน้าที่สืบสวน บช.ภ.จว.นครปฐม ขยายผลจับกุมตัวเอาไว้ได้
พล.ต.ท.วุฒิ เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อประมาณเดือน ส.ค.48 ผู้ต้องหารายนี้ได้ก่อคดีลักทรัพย์ของผู้เสียหายที่ประเทศเกาหลี จำนวน 30,000 ดอลล่าร์สหรัฐ และเมื่อเดือน มิ.ย.ปีเดียวกันยังได้ก่อคดีข่มขืนกระทำชำเรา โดยใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหาย ก่อนหลบหนีไปกบดานที่ประเทศฟิลิปปินส์ และเมื่อวันที่ 5 มี.ค.50 ได้ร่วมกับพวกชาวเกาหลีใต้ อีก 2 คน คือ นายยู ยอง ยิว และ นายแอน จอง จิน ลงมือก่อเหตุลักพาตัว นายโช แซง ลาร์ค กับ นายคิม ซุก ฮวน ทั้ง 2 ราย เป็นคนสัญชาติเกาหลีใต้ และ นายแอมเมอร์ซัน คัสเตอร์ สัญชาติฟิลิปปินส์ ไปเรียกค่าไถ่ จำนวน 11,000 ดอลล่าร์สหรัฐ โดยผู้ต้องหากับพวกใช้อาวุธปืนยิง นายโช และ นายแอมเมอร์ซัน จนเสียชีวิต แต่นายคิม หนีรอดไปขอความช่วยเหลือจากตำรวจฟิลิปปินส์ได้
จากนั้นผู้ต้องหาพร้อมพวกได้แยกย้ายกันหลบหนี โดยนายลีหลบหนีเข้ามาในประเทศไทยผ่านทางชายแดนประเทศมาเลเซีย จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ สตม.จังหวัดนครปฐม ร่วมกับ ตำรวจสืบสวน บช.ภ.จว.นครปฐม จับกุมตัวไว้ได้เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.52 เบื้องต้นชุดจับกุมได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่สถานฑูตเกาหลีใต้ ให้มารับตัว นายลี เพื่อส่งกลับไปดำเนินคดีที่ประเทศเกาหลีใต้ต่อไป
รายที่ 3 แถลงข่าวผลงานเจ้าหน้าที่ กก.1 สส.สตม.จับกุมตัว นายวินเลี่ยม จอห์น อายุ 34 ปี และนายอีเกิ้น รัชสาโกห์ อายุ 32 ปี ทั้ง 2 รายสัญชาติไลบีเรีย และนายเอลวิส ชินแย่ ชิเคตัน อายุ 31 ปี สัญชาติแคเมอรูน พร้อมของกลาง เม็ดทองคำปลอม จำนวน 5 กิโลกรัม โดยผู้ต้องหาทั้ง 3 รายได้ร่วมกันตระเวนหลอกลวงเหยื่อชาวต่างชาติให้ทำธุรกิจค้าทองคำด้วย จากนั้นเมื่อเหยื่อตายใจก็จะนำเม็ดทองคำปลอมมาหลอกขายให้ในราคาถูกกว่าท้องตลาด ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันทำการล่อซื้อเม็ดทองคำปลอมของกลางดังกล่าว ในราคา 25,000 ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนนัดหมายไปจับกุมตัวได้ที่โรงแรมคอนราด ถนนวิทยุ จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ผู้ต้องหาแก๊งนี้ยังพัวพันกับธุรกิจเงินดำอีกด้วย
รายสุดท้าย แถลงข่าวผลงานเจ้าหน้าที่ชุดเดียวกันจับกุมตัว นายแสง ฮอง วาน อายุ 41 ปี นายเบย์ ทราน บินซ์ อายุ 43 ปี นายตวน เหวียน ฮู อายุ 21 ปี และนายเวียต แบค ฮอง อายุ 28 ปี ทั้ง 4 ราย เป็นผู้ต้องหาสัญชาติเวียดนาม พร้อมของกลางเงินสกุลต่างประเทศ อาทิ ดอลลาร์สหรัฐ เงินไทย เงินหยวน จำนวนมาก สร้อยคอทองคำ 2 เส้น แหวนทอง 2 วง และทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ อีกหลายรายการ โดยผู้ต้องหากลุ่มนี้ได้ร่วมกันก่อเหตุลักทรัพย์นายจ้างในประเทศไทย เหตุเกิดท้องที่ สน.บางโพงพาง ก่อนหลบหนีไปกบดานในพื้นที่ อ.เมือง จ.นครพนม แล้วถูกจับกุมตัวได้ในที่สุด
วันนี้ (11 ม.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง และประธานคณะกรรมการประสานและกำกับการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปกค.) พร้อมด้วย นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และ พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผบช.สตม. ร่วมกันแถลงผลการระดมกวาดล้างแก๊งขอทานต่างด้าวตามแหล่งสะพานลอย สถานีรถไฟ สถานีขนส่ง ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร สามารถจับกุมตัวขอทานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาได้ทั้งสิ้น 557 คน เป็นชาย 220 คนและหญิงอีก 337 คน
พล.ต.สนั่น กล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้เป็นนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวและขจัดขบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งแฝงเข้ามาในรูปแบบของแรงงานต่างด้าว โดยก่อนหน้านี้มีผู้ร้องเรียนว่าพบชาวต่างด้าวแฝงตัวเข้ามาขอทานอยู่ตามจุดต่าง ๆ ภายในกรุงเทพมหานครจำนวนมาก โดยขอทานเหล่านี้สร้างความเดือดร้อนรำคาญต่อประชาชน และทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยเสียหาย ตนจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ สตม.ร่วมกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ทำการสืบสวนกวาดล้างชาวต่างด้าวกลุ่มดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 8-10 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมุ่งเน้นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เขตรอยต่อปริมณฑล และจังหวัดแหล่งท่องเที่ยว จนสามารถระดมกวาดล้างมาได้จำนวนมาก ซึ่งทั้งหมดเป็นชาวกัมพูชาที่ลักลอบเข้าอยู่ในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย และมีความเชื่อมโยงกับขบวนการค้ามนุษย์ ที่มีทั้งชาวไทยและคนต่างด้าวร่วมกันแสวงหาผลประโยชน์
เบื้องต้นควบคุมตัวผู้ต้องหาเหล่านี้เอาไว้รอการผลักดันกลับสู่ประเทศ และได้กำชับให้ด่านตรวจคนเข้าเมืองไทยตามชายแดนที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ให้เข้มงวดและช่วยกันสกัดกั้นขบวนการนำพาขอทานดังกล่าวเข้ามาสร้างความเดือดร้อนในราชอาณาจักรไทยให้เห็นผลเป็นรูปธรรม ส่วนผู้ที่แสวงหาผลประโยชน์จากการค้ามนุษย์ บังคับ หรือนำคนต่างด้าวโดยเฉพาะเด็กๆ มานั่งขอทาน จะมีความผิดฐานค้ามนุษย์ ซึ่งได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทำการสอบสวนขยายผล และหาตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถึงที่สุดต่อไป
นอกจากนี้ พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผบช.สตม. ยังแถลงข่าวจับกุมตัวผู้ต้องหารายสำคัญอีกหลายคดี รายแรก จับกุมตัว นายลี ชาง ฮวน อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาสัญชาติเกาหลีใต้ ตามหมายจับประเทศเกาหลีใต้และหมายแดงของตำรวจสากล ข้อหา “ฆ่าผู้อื่น ลักพาตัวเรียกค่าไถ่ ทำร้ายร่างกายและลักทรัพย์” เหตุเกิดที่กรุงโซล ประเทศเทศเกาหลีใต้ และประเทศฟิลิปปินส์ โดยผู้ต้องหาหลบหนีเข้ามากบดานในประเทศไทยจนถูกเจ้าหน้าที่ สตม.จังหวัดนครปฐมร่วมกับ เจ้าหน้าที่สืบสวน บช.ภ.จว.นครปฐม ขยายผลจับกุมตัวเอาไว้ได้
พล.ต.ท.วุฒิ เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อประมาณเดือน ส.ค.48 ผู้ต้องหารายนี้ได้ก่อคดีลักทรัพย์ของผู้เสียหายที่ประเทศเกาหลี จำนวน 30,000 ดอลล่าร์สหรัฐ และเมื่อเดือน มิ.ย.ปีเดียวกันยังได้ก่อคดีข่มขืนกระทำชำเรา โดยใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหาย ก่อนหลบหนีไปกบดานที่ประเทศฟิลิปปินส์ และเมื่อวันที่ 5 มี.ค.50 ได้ร่วมกับพวกชาวเกาหลีใต้ อีก 2 คน คือ นายยู ยอง ยิว และ นายแอน จอง จิน ลงมือก่อเหตุลักพาตัว นายโช แซง ลาร์ค กับ นายคิม ซุก ฮวน ทั้ง 2 ราย เป็นคนสัญชาติเกาหลีใต้ และ นายแอมเมอร์ซัน คัสเตอร์ สัญชาติฟิลิปปินส์ ไปเรียกค่าไถ่ จำนวน 11,000 ดอลล่าร์สหรัฐ โดยผู้ต้องหากับพวกใช้อาวุธปืนยิง นายโช และ นายแอมเมอร์ซัน จนเสียชีวิต แต่นายคิม หนีรอดไปขอความช่วยเหลือจากตำรวจฟิลิปปินส์ได้
จากนั้นผู้ต้องหาพร้อมพวกได้แยกย้ายกันหลบหนี โดยนายลีหลบหนีเข้ามาในประเทศไทยผ่านทางชายแดนประเทศมาเลเซีย จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ สตม.จังหวัดนครปฐม ร่วมกับ ตำรวจสืบสวน บช.ภ.จว.นครปฐม จับกุมตัวไว้ได้เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.52 เบื้องต้นชุดจับกุมได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่สถานฑูตเกาหลีใต้ ให้มารับตัว นายลี เพื่อส่งกลับไปดำเนินคดีที่ประเทศเกาหลีใต้ต่อไป
รายที่ 3 แถลงข่าวผลงานเจ้าหน้าที่ กก.1 สส.สตม.จับกุมตัว นายวินเลี่ยม จอห์น อายุ 34 ปี และนายอีเกิ้น รัชสาโกห์ อายุ 32 ปี ทั้ง 2 รายสัญชาติไลบีเรีย และนายเอลวิส ชินแย่ ชิเคตัน อายุ 31 ปี สัญชาติแคเมอรูน พร้อมของกลาง เม็ดทองคำปลอม จำนวน 5 กิโลกรัม โดยผู้ต้องหาทั้ง 3 รายได้ร่วมกันตระเวนหลอกลวงเหยื่อชาวต่างชาติให้ทำธุรกิจค้าทองคำด้วย จากนั้นเมื่อเหยื่อตายใจก็จะนำเม็ดทองคำปลอมมาหลอกขายให้ในราคาถูกกว่าท้องตลาด ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันทำการล่อซื้อเม็ดทองคำปลอมของกลางดังกล่าว ในราคา 25,000 ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนนัดหมายไปจับกุมตัวได้ที่โรงแรมคอนราด ถนนวิทยุ จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ผู้ต้องหาแก๊งนี้ยังพัวพันกับธุรกิจเงินดำอีกด้วย
รายสุดท้าย แถลงข่าวผลงานเจ้าหน้าที่ชุดเดียวกันจับกุมตัว นายแสง ฮอง วาน อายุ 41 ปี นายเบย์ ทราน บินซ์ อายุ 43 ปี นายตวน เหวียน ฮู อายุ 21 ปี และนายเวียต แบค ฮอง อายุ 28 ปี ทั้ง 4 ราย เป็นผู้ต้องหาสัญชาติเวียดนาม พร้อมของกลางเงินสกุลต่างประเทศ อาทิ ดอลลาร์สหรัฐ เงินไทย เงินหยวน จำนวนมาก สร้อยคอทองคำ 2 เส้น แหวนทอง 2 วง และทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ อีกหลายรายการ โดยผู้ต้องหากลุ่มนี้ได้ร่วมกันก่อเหตุลักทรัพย์นายจ้างในประเทศไทย เหตุเกิดท้องที่ สน.บางโพงพาง ก่อนหลบหนีไปกบดานในพื้นที่ อ.เมือง จ.นครพนม แล้วถูกจับกุมตัวได้ในที่สุด