หนุ่มใหญ่ไฮโซตระกูลดัง และพริตตี้สาว ถูกคนร้ายทุบกระจกรถขณะจอดไว้เพื่อไปร่วมงานฉลองวันเกิด พล.ต.ท.บุญเรือง ทรัพย์สินสูญหายรวมกันเกือบแสน
วันนี้ (28 ธ.ค.) เมื่อเวลา 01.00 น. ร.ต.ท.สัตตเมธ ใจแก้ว ร้อยเวร สน.พหลโยธิน ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายทุบกระจกรถยนต์ ภายในซอยลาดพร้าว 41 แยก 14 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชาและรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน และเจ้าหน้าที่สายตรวจ
ที่เกิดเหตุบริเวณหน้าบ้านเลขที่ 99/46 พบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า วีออส สีดำ หมายเลขทะเบียน ศฉ 6430 กรุงเทพมหานคร สภาพกระจกหลังด้านซ้ายแตกทั้งบาน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ารถคันดังกล่าวเป็นของนายณรงค์ วัธนเวคิน อายุ 41 ปี ไฮโซตระกูลดัง ห่างไปประมาณ 50 เมตร พบรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค สีดำ หมายเลขทะเบียน สฬ 1241 กรุงเทพมหานคร สภาพกระจกด้านหน้าซ้ายแตกเป็นรูโหว่ มี น.ส.สุชาวดี แนงแหยม อายุ 27 ปี พริตตี้ เป็นเจ้าของรถ
จากการสอบถามนายณรงค์กล่าวว่า ในวันนี้ตนขับรถคันดังกล่าวเพื่อเดินทางมางานเลี้ยงฉลองวันเกิดของ พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพานิชย์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. โดยจอดรถไว้ที่หน้าบ้านดังกล่าว ซึ่งเป็นคนละซอยกับบ้านของท่านผู้ช่วย ผบ.ตร. เนื่องจากบริเวณหน้าบ้าน ผช.ผบ.ตร.มีรถจอดจำนวนมากทำให้ไม่มีที่จอด โดยตนขับรถมาจอดเวลาประมาณ 19.00 น. จากนั้นก็เข้าไปร่วมงาน จนกระทั่งเวลา 22.30 น. ตนออกจากงานเดินมาที่รถเพื่อจะกลับบ้านก็พบว่ารถถูกทุบกระจก และมีทรัพย์สินหายไป ประกอบด้วย กล้องดิจิตอล และโน้ตบุ๊ก จำนวน 1 เครื่อง รวมมูลค่าประมาณ 60,000 บาท ก่อนหน้านี้ตนมาร่วมงานดังกล่าวหลายครั้งแล้ว และไม่เคยเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เพิ่งจะมาเกิดเหตุวันนี้
ด้าน น.ส.สุชาวดี กล่าวว่า ตนทำงานเป็นพริตตี้ โดยวันนี้ได้รับการว่าจ้างให้มาเป็นพริตตี้ในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดที่บ้านของ ผช.ผบ.ตร. โดยตนมากับเพื่อนอีก 1 คน เมื่อเวลาประมาณ 19.30 น. ตนได้มาถึงบริเวณงานและนำรถมาจอดไว้อีกซอยหนึ่ง เนื่องจากที่จอดรถไม่พอ ขณะที่อยู่ในงานก็ได้ยินประกาศว่ารถยนต์ของตนถูกทุบกระจก จึงรีบมาตรวจสอบเมื่อมาที่รถก็พบว่ากระจกด้านหน้าแตกเป็นรู มีโทรศัพท์มือถือหายไป 1 เครื่อง กระเป๋าสะพาย 1 ใบ ภายในมีเงินสด 4,000 บาท กระเป๋าเครื่องสำอางมูลค่ากว่า 10,000 บาท รวมทรัพย์สินที่สูญหายไปประมาณ 30,000 บาท
เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่ารถยนต์ทั้ง 2 คันไม่ได้จอดอยู่ในซอยเดียวกันกับบ้านของ ผช.ผบ.ตร. ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องสอบปากคำผู้เสียหายทั้ง 2 รายอย่างละเอียดอีกครั้ง และสอบปากคำพยานแวดล้อม รวมทั้งตรวจสอบว่าในละแวกดังกล่าวมีกล้องวงจรปิดหรือไม่ เพื่อเป็นหลักฐานในการติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป