หนุ่มนักเรียน ม.4 นั่งซ้อนท้าย จยย.เพื่อน ถูกรถเมล์สาย 36 เฉี่ยวชนเสียหลักล้มเข้าไปใต้ท้องรถ เสียชีวิตคาที่กลางถนน
วันนี้ (26 ธ.ค.) เมื่อเวลา 14.30 น. พ.ต.ต.คำพันธ์ แสนทวีสุข พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.ดินแดงรับแจ้งอุบัติเหตุรถเมล์ทับคนเสียชีวิต เหตุเกิดบริเวณหน้าสถาบันสอนภาษาบีบีซี ถ.ราชวิถี แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุบริเวณช่องทางซ้ายของถนนดังกล่าว พบศพนายวิทยา ผึ่งสำเภา อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี สภาพศพนอนคว่ำหน้า สวมเสื้อยืดคอปกสีขาวลายขวาง กางเกงขาสั้นสีดำลายการ์ตูน มีบาดแผลกะโหลกศีรษะเปิด เลือดไหลนองพื้นถนนเป็นที่น่าสยดสยอง ห่างไปเล็กน้อยพบรถประจำทางปรับอากาศยูโรทูสีส้ม ยี่ห้อแดวู สาย 36 ทะเบียน13-1512 กทม. เลขข้างรถ 8-67155 วิ่งระหว่างห้วยขวาง-สี่พระยา ซึ่งมีนายมี ถาริยะ อายุ 45 ปี เป็นผู้ขับขี่รถเมล์คันดังกล่าวยืนรอมอบตัวอยู่ นอกจากนี้ยังพบรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า รุ่นฟีโน่ สีส้มดำ หมายเลขทะเบียน ษมจ 571 กทม. ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์ที่ผู้ตายนั่งซ้อนท้ายนายองศา อรุณ อายุ 16 ปี เพื่อนของผู้ตายเป็นผู้ขับขี่
จากการสอบสวนนายมี คนขับรถประจำทางให้การว่า ได้ขับรถรับส่งผู้โดยสารมาตามปกติ ขณะนั้นมีฝนตกหนัก ถนนลื่นจึงไม่กล้าขับเร็ว เมื่อถึงจุดเกิดเหตุตนก็ไม่ทราบว่าได้ไปเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ที่ผู้ตายนั่งมา จนกระทั่งได้ยินเสียงลักษณะคล้ายรถล้มด้านหลังและมีคนกรีดร้องจึงได้จอดรถ เมื่อลงมาดูก็พบว่านายวิทยาได้ถูกล้อหลังด้านซ้ายของรถประจำทางทับศีรษะเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่าไม่ได้ขับรถเฉี่ยวชนรถของผู้ตายและทำให้เกิดเหตุดังกล่าว
ด้าน นายองศา เพื่อนของผู้ตาย ซึ่งเป็นนักเรียนโรงเรียนเดียวกัน ให้การว่า ได้ขี่รถจักรยานยนต์พาผู้ตายซ้อนท้ายมาจากย่านสะพานความเพื่อจะไปส่งที่แถวๆกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ ถนนวิภาวดี แต่เมื่อถึงจุดเกิดเหตุรถจักรยานยนต์ที่ขี่มาได้ถูกรถเมล์คันดังกล่าวเฉี่ยวชนเข้าที่บริเวณแฮนด์รถจนทำให้รถเสียหลักล้มลง ผู้ตายที่ซ้อนท้ายได้ล้มมุดเข้าไปใต้ท้องรถก่อนจะถูกทับเสียชีวิต ส่วนตนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเป็นแผลถลอกตามข้อศอก
ด้าน พ.ต.ต.คำพันธ์ กล่าวว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุยังไม่พบหลักฐานว่ามีร่องรอยของการเฉี่ยวชนกันจนทำให้เกิดอุบัติเหตุดังกล่าว จึงยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ขับขี่รถประจำทางคันที่ก่อเหตุ อย่างไรก็ตามจะต้องมีการติดตามตัวพยานที่เห็นเหตุการณ์มาสอบปากคำเพิ่มเติมก่อนจะแจ้งข้อหาและดำเนินคดีตามขั้นตอนต่อไป