ออกหมายจับหัวหน้าแก๊งอุ้มนักธุรกิจไต้หวัน!

ออกหมายจับหัวหน้าแก๊งอุ้มครอบครัวนักธุรกิจไต้หวัน เรียกค่าไถ่ 30 ล้าน พร้อมแจกจ่ายภาพสเกตช์คนร้ายไปทุกท้องที่ช่วยติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี เชื่อยังกบดานในไทย เร่งประสาน ตม.สืบอีกทาง


วันนี้ (22 ธ.ค.) ที่กองปราบปราม พ.ต.ต.ศานุวงศ์ คงคาอินทร์ สว.กก.1 บก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีกลุ่มชาวไต้หวัน และชาวไทยก่อเหตุอุ้มนายเติ้น ลี่ เหว่ย อายุ 35 ปี นักธุรกิจไต้หวันพร้อมครอบครัวไปเรียกค่าไถ่ 30 ล้านบาทว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ออกภาพสเกตช์ผู้ต้องหาที่เหลืออีก 1 ราย คือ นายจาง ไม่ทราบนามสกุล อายุประมาณ 40-45 ปี ชาวไต้หวัน และเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 3503/2552 ลงวันที่ 21 ธ.ค. ข้อหาร่วมกันให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ซึ่งผู้ต้องหารายนี้ถือว่าเป็นหัวหน้าแก๊งมีหน้าที่สั่งการ

พ.ต.ต.ศานุวงศ์ กล่าวว่า หลังจากสอบปากคำผู้เสียหายและนำมาประกอบกับคำให้การของกลุ่มผู้ต้องหาที่จับกุมได้ให้การซัดทอดถึงนายจาง จึงเร่งสเกตช์ภาพนายจาง และรวบรวมพยานหลักฐานไปขออนุมัติศาลออกหมายจับ ซึ่งจากนี้จะได้นำภาพสเกตช์มอบให้กับตำรวจในท้องที่ต่างๆ เพื่อประสานให้ช่วยติดตามจับกุมผู้ต้องหา รวมทั้งออกประกาศโดยทั่วไปให้ผู้ที่พบเห็นแจ้งเบาะแสให้กับทาง บก.ป.

พ.ต.ต.ศานุวงศ์ กล่าวต่อไปว่า จากการสืบสวนทราบว่า นายจางอาศัยอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลานานและเป็นเจ้าของโรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งรู้จักมักคุ้นกับผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนทั้งในประเทศไทยและในไต้หวัน มีพฤติการณ์เป็นผู้คอยแนะนำให้ชาวไต้หวันที่ต้องการเข้ามาลงทุนทำธุรกิจในประเทศไทยก่อนจะเรียกเงินค่าดำเนินการ หากรายใดไม่ยินยอมจะให้ลูกน้องลักพาไปเรียกค่าไถ่ เช่นกรณีของนายเติ้น ลี่ เหว่ย โดยลูกน้องที่ร่วมก่อเหตุบางรายจะเรียกนายจาง ว่า “ประธานจาง”

ทั้งนี้ ชุดสืบสวนเชื่อว่านายจาง ยังอาศัยอยู่ในประเทศไทย ซึ่งขณะนี้ได้ประสานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ตรวจสอบข้อมูลการเดินทางเข้าออกรวมทั้งตรวจสอบประวัติผู้ต้องหา เพื่อสืบหาชื่อสกุลที่แท้จริงของนายจาง ก่อนติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป