ตร.บ้อท่าหาคนร้ายยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่กลุ่มพันธมิตรฯ แสดงพลังรักชาติ ที่ท้องสนามหลวง อ้างสถานการณ์การเมืองป่วนทำให้พยานหลักฐานน้อย ลั่นเดินหน้าสอบต่อ เผยบางคดีต้องงดสอบเพราะเกินกำหนดเวลาที่ต้องทำเรื่องส่งอัยการ
วันนี้ (14 ธ.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รอง ผบช.น. กล่าวถึงความคืบหน้าในการติดตามคดีคนร้ายลอบยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่กลุ่มผู้ชุมนุพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่สนามหลวงว่า ตั้งแต่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบในคดีนี้ก็ติดตามความคืบหน้าและรายงานให้ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น.ทราบโดยตรงตลอด ซึ่งขณะนี้ก็ได้ทำการสอบสวนผู้บาดเจ็บ พยานในที่เกิดเหตุ และนำหลักฐานที่เก็บรวบรวมได้ส่งตรวจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีการประชุมสรุปความคืบหน้าทุกสัปดาห์
พล.ต.ต.สุเมธ กล่าวว่า สำหรับแนวทางการสืบสวนเราได้นำคดีที่คนร้ายก่อเหตุโดยใช้ระเบิดเอ็ม 79 เก่าๆ มาศึกษาและเทียบเคียงกับคดีนี้ทั้งคดีที่ผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ถูกยิงที่ทำเนียบรัฐบาล และสนามบินดอนเมือง โดยในที่ประชุมพนักงานสอบสวนในคดีก็รายงานผลว่าบางคดีได้งดการสอบสวนไปแล้วเนื่องจากมีกำหนดระยะเวลาที่ทาง ตร.กำหนดไว้ว่าต้องส่งคดีให้ทางอัยการต่อหากเป็นคดีไม่ร้ายแรง ไม่มีผู้เสียชีวิตภายใน 6 เดือน หากเป็นคดีอุฉกรรจ์ หรือมีผู้เสียชีวิตก็กำหนด 1 ปี แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าจะยุติการดำเนินคดีหากสามารถจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุ และสืบสวนขยายผลจนทราบว่าเกี่ยวข้องกับคดีเหล่านี้ก็สามารถดำเนินคดีต่อได้ เพราะสำนวนการสืบสวนสอบสวนยังอยู่
พล.ต.ต.สุเมธ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม การทำคดีระเบิดในการชุมนุมที่ผ่านมาก็มีข้อจำกัดทั้งในเรื่องการตรวจสถานที่ การหาพยานหลักฐานเนื่องจากเป็นช่วงที่มีความวุ่นวายทางสถานการณ์ทางการเมืองทำให้พยานหลักฐานไม่ได้เท่าที่ควร แต่จากการเปรียบเทียบอาวุธเอ็ม 79 ที่ใช้กับผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ก่อนหน้านี้บางคดีก็มีความใกล้เคียงกับที่เกิดขึ้นที่สนามหลวง แต่จะมาจากกลุ่มบุคคลเดียวกันหรือไม่ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ เพราะแม้อาวุธจะแบบเดียวกัน แต่ก็สามารถลักลอบนำมาใช้ได้ ซึ่งเราก็พยายามหาจุดที่เชื่อมโยงกันอยู่ ส่วนการตรวจหลักฐานไม่พบเลขรหัสอาวุธจากเศษลูกระเบิดเอ็ม 79 ที่ใช้ก่อเหตุเนื่องจากระเบิดชนิดนี้ปลอกจะอยู่กับตัวปืนเหมือนลูกกระสุนอื่น
