ชุดเฉพาะกิจป.ป.ท.สนธิกำลังกว่า 100 นาย บุกค้น“สไปซี่ผับ” ผับดังย่านปทุมวัน เจอนักเที่ยวต่างชาติและไทยแน่นร้าน ตรวจปัสสาวะพบฉี่ม่วง 4 ราย พร้อมเอาผิดเจ้าของผับเปิดเกินเวลา-ไม่มีใบอนุญาต
วันนี้ (12 ธ.ค.) เมื่อเวลา 01.30 น. นายภิญโญ ทองชัย เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ร่วมกับนายประยงค์ ปรียาจิตน์ ผอ.ป.ป.ส.กทม พล.ต.ต.เอื้อพงศ์ โกมารกุล ณ นคร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลและพ.ต.อ.ฉัตรชัย ศิริทรัพย์ ผกก.1 บก.ปส.1 บช.ปส. สนธิกำลังประมาณ 100 นาย เข้าตรวจค้นร้านสไปซี่ผับ ตั้งอยู่อาคารพานิชย์ 4ชั้น 1 คูหา เลขที่ 6/13-14 ถ.รองเมือง 5แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กทม. ด้านในเป็นห้องกว้างประมาณ100 ตารางเมตร ปิดไฟมืดสลัว พบนักเที่ยวต่างชาติทั้งยุโรปและแอฟริกาและนักเที่ยวชาวไทยที่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงอายุระหว่าง 18-35 ปี ประมาณ 400 คน กำลังนั่งดื่มกินอย่างสนุกสนาน
เจ้าหน้าที่จึงสั่งให้การเปิดไฟ ปิดเสียงเพลง ทำให้นักเที่ยวต่างตื่นตกใจ แต่อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้อนุญาตให้นักเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางกลับได้ จากนั้นจึงให้นักเที่ยวชาวไทยทั้งหญิงและชาย รวมทั้งพนักงานภายในร้านเข้าแถวเพื่อตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด ทั้งหมด 81 คน เป็นหญิง 62 คน ชาย 19 คน ผลปรากฎว่าปัสสาวะเป็นสีม่วงจำนวน 4 ราย
ภายหลังนายประยงค์ กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากประชาชนว่าร้านดังกล่าวมีการมั่วยาเสพติด จึงได้ประสานหลายหน่วยงานทั้ง ป.ป.ส.บช.ปส.และบช.น. เพื่อทำการตรวจค้นและเป็นมาตรการป้องปราบการกระทำผิด เบื้องต้นพบว่าร้านไม่มีใบอนุญาตให้เปิดเป็นสถานบริการ เปิดเกินเวลา ไม่มีใบอนุญาตให้ต่อเติมอาคารสถานที่ ซึ่งจะประสานกทม.ให้เข้ามาตรวจสอบ นอกจากนี้พบนักเที่ยวปัสสาวะสีม่วงจำนวน 4 ราย จึงให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนนักเที่ยวชาวต่างชาตินั้นเจ้าหน้าที่ไม่ได้ตรวจด้วย หากไม่มีหลักฐานชัดเจนเพราะเกรงจะกระทบด้านการท่องเที่ยว
นายประยงค์ กล่าวต่อว่า การตรวจค้นของชุดเฉพาะกิจจะดำเนินการเรื่อยไปจนถึงช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยไม่มุ่งเน้นเอาผิดกับเจ้าของร้าน แต่จะเข้าไปตรวจสอบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่
ด้านพล.ต.ต.เอื้อพงศ์ กล่าวว่า สำหรับนักเที่ยวที่มีปัสสาวะสีม่วง ก็จะส่งพนักงานสอบสน.ปทุมวัน เจ้าของท้องที่ดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนทางร้านจะดำเนินคดีข้อหาเปิดโดยไม่มีใบอนุญาตและเปิดเกินเวลา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะตรวจค้นมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหรือการ์ดคุมผับจำนวนหนึ่ง ใส่เสื้อแจ็กเก็ตแขนยาวสีดำ สกรีนสีขาวสัญลักษณ์ตราโล่ตำรวจ เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดบัตรเพื่อตรวจสอบ พบว่าไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพียงแต่นำเสื้อมาใส่คล้ายตำรวจนอกเครื่องแบบเท่านั้น
