กองปราบฯ บุกจับผู้ต้องหาฐานปลอมเอกสารใช้ข้อมูลเท็จก่อความเสียหายให้ผู้อื่น เผยเคยทำงานด้านธุรการให้สามี “ปานจิต ชิ้นศิริ” ลูกสาว “ปิยะ อังกินันท์” อดีต ส.ส.เพชรบุรี ระบุมีหมายจับรวมกันกว่า 50 หมาย รวมเสียหายกว่า 8,000 ล้าน เบื้องต้นให้การปฏิเสธ ด้านตำรวจไม่ปักใจเชื่อเตรียมขยายผลเชื่องโยงข้อมูลความผิดของผู้ต้องหากับคู่สามี-ภรรยา
วันนี้ (3 ธ.ค.) เมื่อเวลา 16.00 น. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ สุขวัฒน์ธนกุล ผกก.5 บก.ป. พ.ต.ท.วันชัย ชัยชูโชติ สว.กก.5 บก.ป.นำกำลังเข้าจับกุม น.ส.กานต์ศิริ อุษมากฤษทรัพย์ หรือยุวตี บุญเพิ่ม อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 688/9 หมู่ 1 ต.ท่ายาง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี ที่ 3045/2546 ลงวันที่ 13 สิงหาคม 2546 ข้อหาปลอมและใช้หรืออ้างเอกสารปลอมในประการที่น่าจะก่อความเสียหายแก่ผู้อื่น จับกุมได้ที่บริเวณห้างสรรพ สินค้าบิ๊กซี สาขาเพชรบุรี ต.มะม่วง อ.เมือง จ.เพชรบุรี
การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อเดือนมิถุนายน 2546 ผู้ต้องหาได้นำสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงเทพ สาขาบางยี่ขัน และเอกสารที่เกี่ยวข้องไปขอกู้เงินเพื่อซื้อบ้านจำนวน 2 ล้านบาท กับทางธนาคารกรุงศรีอยุธยา แต่ภายหลังพบว่ามีการใช้ข้อมูลและเอกสารอันเป็นเท็จ ทางธนาคารกรุงศรีฯ จึงเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.บางพลัด เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหา โดยตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับไว้
ทั้งนี้ ตามแนวทางการสืบสวนสอบสวนของ กก.5 บก.ป.พบว่า ผู้ต้องหารายนี้ได้ทำงานด้านธุรการให้กับนายชาญชัย ชิ้นสิริ สามีของนางปานจิต ชิ้นศิริหรืออังกินันท์ ลูกสาวของนายปิยะ อังกินันท์ อดีต ส.ส.เพชรบุรี โดยทั้งสองเป็นผู้ต้องหาคดีร่วมกันฉ้อโกง มีหมายจับรวมกันกว่า 50 หมาย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 8,000 ล้านบาท ซึ่งมีพฤติการณ์หลบหนีคดีด้วยการแจ้งตายในเหตุคลื่นยักษ์สึนามิ เมื่อปี 2547 รวมทั้งได้ทำศัลยกรรมใบหน้า เปลี่ยนชื่อ-สกุล และที่อยู่มาหลายครั้ง ก่อนจะถูกชุดสืบสวน กก.5 บก.ป.จับกุมดำเนินคดีจนเป็นข่าวฮือฮาไปก่อนหน้านี้ โดยชุดสืบสวน กก.5 บก.ป.เชื่อว่าผู้ต้องหาน่าจะมีส่วนรู้เห็นหรือรับรู้ข้อมูลการกระทำความผิดของนายชาญชัย และนางปานจิต เนื่องจากเป็นผู้ดูแลเอกสารต่างๆ ให้กับนายชาญชัย
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การภาคเสธ โดยอ้างว่าทำงานให้กับนายชาญชัยตั้งแต่ปี 2541 โดยมีหน้าที่ดูแลเรื่องเอกสาร แต่ส่วนใหญ่เป็นงานด้านธุรการ ตนไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการทำธุรกิจ แต่ก็ทราบว่านายชาญชัยทำธุรกิจหลายอย่างและมีคดีความเกี่ยวกับเรื่องเช็คอยู่บ้าง ที่ผ่านมาตนก็ไม่เคยสอบถามจากนายชาญชัย และหลังจากปี 2546 ตนก็ลาออกมา อย่างไรก็ดี ชุดสืบสวน กก.5 บก.ป.ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การโดยจะได้สอบสวนในประเด็นต่างๆ เพื่อสืบหาความเชื่อมโยงกับบุคคลที่เกี่ยวข้องรวมทั้งการกระทำความผิดของนายชาญชัย และนางปานจิต เพิ่มเติม ก่อนจะควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.บางพลัด รับไว้ดำเนินคดีต่อไป