ตำรวจบุกทลายร้านลักลอบผลิตดีวีดีละเมิดลิขสิทธิ์ ได้ของกลางเพียบ มูลค่าความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท ส่วนใหญ่มีไว้ให้ชาวญี่ปุ่นซื้อและเช่าเท่านั้น นอกจากพบของกลางแล้วในอาคารยังมีมอนิเตอร์วงจรปิดถึง 9 ตัว ทำให้ตำรวจรวบตัวผู้กระทำความผิดได้คนเดียว
วันนี้ (1 ธ.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น. พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รอง ผบช.น.ในฐานะหัวหน้าชุดปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ปลป.น.) นำกำลังพร้อมหมายค้น เลขที่ ค213/2552 ศาลอาญากรุงเทพใต้ เข้าตรวจค้นร้านให้เช่าดีวีดี ไม่มีชื่อ ตั้งอยู่เลขที่ 1/13-14 ซอยสุขุมวิท 24 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กทม.หลังสืบทราบว่าสถานที่ดังกล่าวมีการลักลอบผลิตดีวีดี ละเมิดลิขสิทธิ์
จากการเข้าตรวจค้นในอาคารดังกล่าว พบ น.ส.นภาวรรณ แซ่ลิ้ม อายุ 34 ปี เป็นผู้ดูแลร้าน พร้อมด้วยของกลางดีวีดีภาพยนตร์ฝรั่งและญี่ปุ่น ทั้งหนังใหญ่และซี่รีส์ จำนวน 150,000 แผ่น อุปกรณ์ในการผลิตเป็นพีซีคอมพิวเตอร์ พร้อมหัวก๊อบปี้แผ่นดีวีดี 8 หัว รวม 6 เครื่อง และเครื่องพรินเตอร์ใช้ในการพิมพ์หน้าปกภาพยนตร์ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวพร้อมกับยึดของกลางไว้ตรวจสอบ
พล.ต.ต.วรศักดิ์ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อประมาณกลางเดือน พ.ย. 52 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้นำกำลังเข้าตรวจค้นจับกุมร้านธนิยะวีดีโอ ตั้งอยู่บนชั้น 3 อาคารธนิยะ ซอยสีลม 2 ถนนสีลม แขวงสีลม เขตบางรัก กทม.และทำการสอบสวนสอบสวนขยายผลจนสามารถทราบแน่ชัดว่ามีการลักลอบผลิตดีวีดีละเมิดลิขสิทธิ์ภายในอาคารเลขที่ 1/13-14 ซอยสุขุมวิท 24 จึงรวบรวมหลักฐานขออนุมัติหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ จนสามารถเข้าจับกุมได้ดังกล่าว
จากการสอบสวน น.ส.นภาวรรณ ให้การรับสารภาพว่าตนเป็นเพิ่งจะเข้ามาทำงานได้ไม่นาน โดยได้ค่าจ้างเดือนละ 6,000 บาท โดยลูกค้าจะเป็นชาวญี่ปุ่นเท่านั้น เนื่องจากหนังทั้งหมดเป็นภาษาญี่ปุ่น โดยจะคิดค่าเช่าในราคาแผ่นละ 40 บาทต่อวัน และหากต้องการซื้อก็จะขายให้ในราคาแผ่นละ 140 บาท ซึ่งส่วนใหญ่จะเช่าไปดูมากกว่า จึงต้องมีการเปิดหน้าร้านให้เช่าจนมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหานำออกฉายให้เช่า แลกเปลี่ยน พรือจำหน่าย ดีวีดีภาพยนตร์ ในราชอาณาจักรไม่ผ่านการตรวจพิจารณาและได้รบอนุญาต จากคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดีทัศน์ ก่อนนำผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สน.บางรัก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในอาคารดังกล่าวเป็นตึกแถว 4 ชั้น 2 คูหา ด้านล่าง 1 คูหาเปิดเป็นหน้าร้านไม่มีชื่อมีเพียงป้ายผ้าเป็นภาษาญี่ปุ่น อีกคูหาเป็นห้องร้าง ใช้เป็นทางขึ้นไปชั้นบน ส่วนบริเวณชั้นลอยและชั้น 2 กำลังทำการตกแต่งภายใน ส่วนบริเวณชั้น 3 เป็นห้องเก็บแผ่นดีวีดีจำนวนมาก และบริเวณชั้น 4 เป็นบันไดเชื่อมต่อกับอีกตึกหนึ่งซึ่งเป็นที่ทำการลักลอบก๊อปปี่แผ่นและปริ้นหน้าปกหนังทั้งหมด และมีมอนิเตอร์กล้องวงจรปิดจำนวน 9 ช่อง โดยเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดตามจุดทางเข้าออกอาคารดังกล่าว จึงทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมผู้กระทำความผิดได้เพียงคนเดียว