ผบช.น.เรียกประชุมทีมสืบคดีคนร้ายยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่กลุ่มผู้ชุมนุมปกป้องชาติที่สนามหลวง เมื่อคืนวานนี้ มั่นใจคนร้ายยิงเอ็ม 79 สั่งชุดสืบลงพื้นที่เจาะข่าวจุดที่คนร้ายลงมือยิง ส่วนคดียิง ร.ต.อ.ดับขณะเข้าล่อซื้อยาไอซ์ สั่ง กก.สส.บก.น.4 ทำงานเต็มที่ล่าตัวมาดำเนินคดี ย้ำให้ระวังตัวใส่เสื้อเกราะ คนร้ายมีอาวุธและมีพฤติกรรมกล้ายิงตำรวจ
วันนี้ (16 พ.ย.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ห้องประชุมใหญ่ บช.น. พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. เรียกประชุม กก.สส.บก.น.1, กก.สส.บก.น.6, ฝ่ายสืบสวน สน.ชนะสงคราม, ฝ่ายสืบสวน สน.พระราชวัง, ฝ่ายสืบสวน สน.สำราญราษฎร์, กองบังคับการสายตรวจปฏิบัติการพิเศษ (บก.ตปพ.), กองบังคับการสืบสวนสอบสวน (บก.สส.)และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง
หลังจากใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง พล.ต.ท.วรพงษ์ เปิดเผยว่า เป็นการประชุมมอบภารกิจหลังจากไปตรวจสอบร่วมกับ พฐ. และหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดมาตรวจอีกครั้ง ทำให้มั่นใจว่าเป็นระเบิดชนิด เอ็ม 79 และระยะยิงก็มีประมาณ 350 เมตร เมื่อสำรวจพื้นที่จุดที่คาดว่าจะเป็นจุดยิงจึงให้สายสืบทั้งหมดทุ่มกำลังไปหาข้อมูลในที่จุดที่คาดว่าคนร้ายจะยิงมาจากจุดนั้นแล้ว
เมื่อถามถึงกรณีตามจับคนร้ายยิง ร.ต.อ.อาทิตย์ ที่ สน.หัวหมาก ผบช.น.กล่าวว่า ก็ได้กำชับให้ติดตามจับกุมให้ได้ โดยเฉพาะ กก.สส.บก.น.4 ไม่ได้เรียกมาใช้งานในคดีนี้เลย ให้ไปทำคดีนั้นอย่างเต็มที่ โดยกำชับว่าให้ทำงานอย่างระมัดระวังเพราะคนร้ายมีอาวุธ และมีพฤติกรรมกล้ายิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดังนั้น ตำรวจจึงต้องระวังตัวในเรื่องเสื้อเกราะหรืออื่นๆ
เมื่อถามว่ามีแบล็กลิสต์กับ บช.ปส.หรือไม่ ผบช.น.กล่าวว่า ให้ประสานกับ บช.ปส.ไปแล้ว สำหรับชุดทั้งหมดได้จัดอบรมไปแล้วทั้งที่เขาใหญ่ และเพชรบุรี ในการฝึกอบรมยุทธวิธี ตั้งแต่ระดับรอง สว.และ สว. แต่ ร.ต.อ.อาทิตย์ เพิ่งเปลี่ยนจากพนักงานสอบสวนมาทำหน้าที่ฝ่ายสืบสวนจึงยังไม่ได้ทำการอบรม ซึ่งเรื่องนี้ บช.น.เน้นอยู่แล้ว โดยมีครูฝึกจากหน่วยอรินทราช และหน่วยอื่นๆ มาช่วยฝึกด้วย